ตอนที่ 1
หนี(ใจ)ไม่พ้น
รถยนต์คันหนึ่งแล่นมาจอดยังบ้านหลังใหญ่ หญิงสาวที่นั่งอยู่ตอนหน้าเปิดประตูลงจากรถ ขณะที่คนขับ ซึ่งเป็นหญิงรูปร่างดี ท่าทางคล่องแคล่วก็ลงจากรถเช่นกันก่อนช่วยหยิบกระเป๋าใบย่อมจากหลังรถส่งให้เพื่อน
วศินี ยืนส่งจนรถยนต์คันนั้นแล่นออกจากซอย เธอจึงเปิดประตูรั้วเดินเข้าบ้าน และเห็นชายหนุ่มในชุดลำลองยืนรออยู่หน้ามุก
“น้องวา” ชายคนนั้นเรียกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนแล้วเดินเข้ามาช่วยเธอถือกระเป๋า
“พี่ไกร” หญิงสาวทักและยิ้มให้เขา
“พี่ไม่ได้ออกไปรับน้องวาหน้าบ้าน คิดว่าเพื่อนน้องวาจะแวะเข้ามาซะอีก” เขาเปรยกึ่งบอก
“เข็มเขารีบกลับน่ะค่ะ และคิดว่าพี่ไกรไม่อยู่เลยไม่ได้ลงมาทัก วันนี้พี่ไกรไม่ไปไหนหรือคะ” หญิงสาวถามสามี ขณะที่ไกรวิทย์ส่ายหน้า
“ไม่จ้ะ” เขาบอกด้วยรอยยิ้มและเดินนำเข้าบ้าน
“น่าเสียดายที่น้องวากลับมาช้า ไม่งั้นก็คงเจอกับเต้แล้ว เขาเพิ่งกลับไปเมื่อสักสิบห้านาทีนี่เอง” ไกรวิทย์เอ่ยเมื่อเดินเข้ามาในบ้าน วศินีชะงักเล็กน้อยก่อนยิ้ม
“น่าเสียดายจริงๆ ด้วยค่ะ แล้วพี่เต้มาทำอะไรหรือคะ” เธอถามและพยายามบังคับเสียงให้เป็นปกติ
“เขาแวะมาคุยด้วยเฉยๆ สงสัยคงอยากกินฝีมือน้องวาแน่เลย ครั้งก่อนที่มาเขายังไม่ได้ลองกินเลยนี่”
“ค่ะ ใช่ค่ะ คราวก่อนพี่เต้รีบกลับ น้องวาเลยยังไม่มีโอกาสทำอะไรให้กิน” เธอบอกแล้วเลี่ยงไปรินน้ำมาดื่ม ใบหน้าของเธอร้อนวูบเมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อหลายเดือนก่อน มันไม่น่าเกิดขึ้นในบ้านของเธอ แต่มันก็เกิดขึ้นแล้ว
แม้เขาจะยังไม่มีโอกาสกินอาหารฝีมือของเธอ แต่เขาก็ ‘อิ่ม’ กลับไปเรียบร้อย จากรสสวาทที่ปรุงโดยฝีมือของเธอเอง!
เรื่องนี้เป็นความลับระหว่างเธอกับเตชินท์ และหลังจากเขากลับเมืองนอกไปแล้ว ทั้งสองก็ไม่ได้ติดต่อกันอีก
กระทั่งบริษัทที่เตชินท์ทำงานอยู่ได้มาเปิดสาขาที่เมืองไทย และเขาต้องมาประจำที่นี่
เธอทราบเรื่องจึงตัดสินใจไปเที่ยวกับเพื่อนสนิททันทีเพราะไม่อยากเจอกับเขาคนนั้น เพราะกลัวจะเกิดเหตุการณ์ที่ไม่ควรขึ้นอีก
และเธอหวังว่า ตัวเองจะห้ามตัวห้ามใจไม่หลงไปกับมนต์ที่มองไม่เห็นอีก
“ตอนนี้เขาย้ายมาประจำที่ไทยแล้ว คงได้มีโอกาสกินฝีมือน้องวาสักวัน”
“ค่ะ” เธอรับคำ
“เต้มาติดต่อพี่ด้วยว่าอยากให้น้องวาไปทำงานที่นั่น เขายังขาดฝ่ายการตลาดอีกหลายตำแหน่ง” ไกรวิทย์ชวนคุย ทำเอาวศินีมีสีหน้าลำบากใจ
“จะดีหรือคะพี่ไกร”
“ติดขัดอะไรหรือจ๊ะ น้องวาจบการตลาดมา น่าจะทำงานตรงนี้ได้นะ” เขาออกความเห็น
“แต่น้องวาจบมานานแล้วนะคะ แล้วก็ไม่เคยทำงานด้วย” เธอบอกเสียงไม่มั่นใจ ตั้งแต่เรียนจบมา พ่อกับแม่ก็ให้เธอแต่งงานกับไกรวิทย์ พอแต่งแล้วเธอก็มาเป็นแม่บ้านให้เขา
นั่นเป็นเหตุผลหนึ่ง ซึ่งยังมีเหตุผลใหญ่กว่านั้นคือการที่ต้องทำงานกับเตชินท์ เธอไม่สะดวกใจจริงๆ ที่ต้องทำงานใกล้ผู้ชายแรง(สวาท)สูงคนนั้น
“น้องวาไม่ลองดูล่ะจ๊ะ เรามีพื้นฐานอยู่แล้ว ฝึกอีกนิดหน่อยก็น่าจะเข้าที่เข้าทาง น้องวาของพี่เก่งอยู่แล้ว” เขาให้กำลังใจ
“แต่น้องวาคืนอาจารย์ไปหมดแล้วนะคะ และที่เลือกเรียนก็เพราะตามเพื่อนต่างหาก น้องวาไม่ได้อยากเป็นนักการตลาดอะไรหรอกค่ะและถ้าจะทำงาน น้องวาไปช่วยพี่ไกรดีกว่า มีบริษัทเป็นของตังเองแบบนี้ ทำไมต้องไปทำงานให้คนอื่นด้วยล่ะคะ” เธอบอก
“พี่ก็อยากให้น้องวาไปช่วยนะ แต่บริษัทของพี่เน้นขายความคิดและรับคนที่จบเฉพาะทางมาเท่านั้น” เขาบอก
ไกรวิทย์เปิดบริษัทรับติดตั้งระบบคอมพิวเตอร์ให้กับองค์กรต่างๆ พนักงานของเขาต้องจบด้านนี้โดยเฉพาะ เพื่อจะได้คุยกับลูกค้ารู้เรื่อง ขนาดประชาสัมพันธ์ เขายังเลือกคนที่จบด้านคอมพิวเตอร์เลย
“และถ้าน้องวาไม่อยากทำงานกับเต้ก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่บอกเขาให้จ้ะ”
“พี่ไกรไม่โกรธน้องวานะคะ” เธอถามอ้อนๆ แล้วเดินไปโอบเอวเขา ไกรวิทย์หัวเราะเบาๆ แล้วลูบผมเธอ
“พี่จะโกรธน้องวาเรื่องอะไรจ๊ะ”
“ก็น้องวาไม่ยอมทำงาน” เธอบอกน้ำเสียงรู้สึกผิดหน่อยๆ
“อย่าคิดมากสิจ๊ะ พี่ไม่โกรธน้องวาด้วยเรื่องแค่นี้หรอก น้องวาอยู่บ้านก็ไม่ได้หมายความว่าไม่ทำงานซะหน่อย น้องวาเป็นแม่บ้านให้พี่ หนักกว่าไปทำงานข้างนอกซะอีก” เขาบอกเสียงอ่อนโยน
“ค่ะ น้องวาชอบเป็นแม่บ้าน น้องวาชอบดูแลพี่ไกร” วศินีพูดแล้วจูบเขาเบาๆ ที่แก้ม มือบางลูบไล้แผงอกของเขาไปด้วยแล้วปลดกระดุมเสื้อเชิ้ต ขณะที่ไกรวิทย์จับมือภรรยาไว้
“น้องวากลับมาเหนื่อยๆ ขึ้นไปอาบน้ำพักผ่อนหน่อยดีกว่า เดี๋ยวเย็นๆ เราค่อยออกไปหาอะไรกินกัน” เขาบอกพร้อมขยับตัวลุกขึ้นก่อนหิ้วกระเป๋าของเธอขึ้นชั้นบน ทิ้งให้วศินีมองตามพร้อมอาการถอนใจ
สามีเธอดีหมดทุกอย่าง เสียแต่ทื่อเรื่องบนเตียงไปหน่อย หากเป็นเตชินท์...ใจของหญิงสาวเผลอคิดถึงคนที่ไม่ควร
เธอรับรองว่าห่างกันหลายวันขนาดนี้ เขาไม่มีทางปล่อยให้เธออาบน้ำและนอนพักแน่ๆ หรืออย่างน้อยๆ ก็ต้องจบเกมรักสักยกสองยกหรือสามยกก่อนแล้วค่อยพัก
“ไม่ๆๆ” วศินีส่ายหน้าและรีบเตือนตัวเองเร็วๆ
เธอจะไปคิดถึงผู้ชายคนอื่นอีกไม่ได้ เธอมีสามีแล้ว เขาเป็นคนดีมาก และเธอจะไม่ให้ความต้องการด้านมืดมาทำลายชีวิตครอบครัวของเธอเด็ดขาด
แต่แล้วความตั้งใจของวศินีก็พังลง เมื่อเช้าวันรุ่งขึ้น เตชินท์ก็มาหาเธอที่บ้าน
รูปร่างของเขาสูงใหญ่สมส่วนอย่างชายชาตรี แผงอกของเขาแข็งแรงและแขนก็เต็มไปด้วยกล้ามอย่างคนออกกำลังกายสม่ำเสมอ ใบหน้าของเขาหล่อเหลา แววตาและรอยยิ้มดูมีเสน่ห์ที่สามารถทำให้เพศตรงข้ามยอมสยบได้ไม่ยาก
คนที่ยอมสยบให้เขา มีวศินีเป็นหนึ่งในนั้น
ใบหน้าของเขายังอ่อนโยนเสมอ แม้จะไม่เจอกันหลายเดือนแล้ว แต่เพียงแค่เห็นแวบแรก วศินีก็จำเขาได้ทันที เขาลงจากรถแล้วยิ้มให้เธออย่างดีใจ ขณะที่วศินีทำหน้านิ่ง ทั้งที่ในใจก็รู้สึกดีใจอยู่ลึกๆ
“พี่ไกรออกไปทำงานตั้งแต่เช้าแล้วค่ะ” เธอบอก
“พี่รู้แล้ว” เขาบอกแล้วยิ้มให้เธอ แววตาคมคายแสนมีเสน่ห์จับจ้องที่ร่างบางไม่วางตา ทำเอาวศินีถึงกับสะท้านด้วยความขวยเขิน
“จะไม่ชวนพี่เข้าบ้านหน่อยหรือครับ” เขาถาม และนั่นทำให้วศินีต้องผายมือให้เขา
“พี่เต้มาทำอะไรที่นี่คะ” เธอถามเมื่อเตชินท์นั่งยังโซฟาเรียบร้อยแล้ว
“พี่มาเอาเสื้อสูทครับ เมื่อวานพี่ลืมไว้ พี่โทรบอกพี่ไกรแล้ว เขาบอกให้เข้ามาเอาได้เลย เพราะวาอยู่บ้าน”
“ค่ะ พี่ไกรบอกวาแล้วค่ะ แต่ไม่คิดว่าพี่เต้จะมาเอาเลย” เธอพูดแล้วเดินไปหยิบถุงพลาสติกที่วางอยู่ข้างชั้นให้เขา
“พี่รีบมาเอา เพราะอยากเจอวา” เขาบอกอย่างไม่ปิดบังและมองเธอนิ่ง ทำเอาวศินีรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง
“ไม่เจอกันนานวาดูเปลี่ยนไปนะครับ น่ารักขึ้นกว่าที่เราเจอกันเมื่อหลายเดือนก่อน” เขาบอกตรงๆ ตามสไตล์
“ขอบคุณค่ะ แต่พี่เต้ยังเหมือนเดิมนะคะ”
“ทุกอย่างของพี่ยังเหมือนเดิมครับ” เขาบอกเสียงนุ่มทุ้มและเดินมาใกล้เธอ ขณะที่วศินีไม่ได้ขยับหนี “พี่หิวจังเลยครับ วามีอะไรให้พี่กินบ้าง”
“ขนมปังกับกาแฟก่อนได้มั้ยคะ วายังไม่ได้ทำมื้อเที่ยงเลย เมื่อเช้าก็ไม่ได้ทำอะไรให้พี่ไกรทาน”
“ของพวกนั้นพี่กินจนเบื่อแล้ว ที่พี่อยากกินคือ...” ชายหนุ่มละไว้แล้วไล่นิ้วไปตามแขนเรียวของเธอ “พี่ยังจำรสที่วาทำให้พี่กินได้ มันอร่อย เต็มอิ่ม หอมหวานและมีความสุขที่สุด นี่ขนาดว่าไม่ได้เจอกับวาตั้งหลายเดือน พี่ยังลืมรสของวาไม่ได้ วาร่ายมนต์อะไรใส่พี่ครับ ถึงทำให้พี่ถอนตัวไม่ขึ้นแบบนี้” เขาพูดเสียงเบาแล้วยื่นหน้ามาใกล้เพื่อสูดกลิ่นกายหอมกรุ่นที่เคยดอมดม และเมื่อเห็นว่าวศินีไม่ขัดขืน เขาจึงโน้มตัวลงไปแตะจมูกยังแก้มเนียนใสของเธอ
“พี่คิดถึงอาหารนั่นของวาที่สุด วาอยากทำให้พี่กินหรือเปล่าครับ” เขาถามพร้อมมือหนาที่เอื้อมมาแตะแผ่นหลังเธอเบาๆ
“วา คือ วา...” วศินีสับสน อยากปฏิเสธว่าเธอไม่ต้องการ ก็พูดได้ไม่เต็มปากและปากก็ดันไม่ยอมพูดออกไปด้วย จะให้บอกความจริงว่าคิดถึงก็กระดากอายเกินไป
“ตอนนี้มีแต่วากับพี่ที่รู้ บอกมาสิครับว่าคิดถึงพี่หรือเปล่า และอยากทำให้พี่กินอีกหรือเปล่า” เขากระซิบถามข้างหู ลมหายใจอุ่นๆ เป่ารดแก้มเนียนจนหญิงสาวถึงกับร้อนวูบ ขนกายลุกชัน
“หรือวาไม่คิดถึงพี่ครับ วาคงลืมพี่ไปแล้ว เพราะวาก็มีพี่ไกรอยู่แล้วทั้งคน พี่มันก็แค่คนๆ หนึ่งที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของวา” คราวนี้เขาเปลี่ยนเป็นเสียงเศร้าติดน้อยใจ
“ไม่ค่ะ ไม่ใช่นะคะ” วศินีรีบปฏิเสธ กลัวเขาจะเข้าใจผิด ทั้งที่ความจริงแล้ว ไม่จำเป็นต้องคิดแบบนั้นเลย
“แสดงว่าวาก็คิดถึงพี่ใช่มั้ยครับ อยากทำให้พี่กินอีกใช่ไหมครับ” น้ำเสียงของเขาเป็นประกายพร้อมดวงตาที่ลุกโชนสุกใส และเมื่อเธอยังไม่ตอบ เขาก็เริ่มใช้ไม้เด็ด ด้วยการโน้มตัวไปจูบเธอที่หน้าผากเบาๆ
“พี่เต้” หญิงสาวเรียกเขาเสียงสั่น มือบางจับที่ต้นแขนเขาไว้ แต่ไม่ได้ผลักไส ทำให้เตชินท์เริ่มลากปากร้อนมายังแก้มเนียนของเธอก่อนมาหยุดเหนือริมฝีปาก เขาทอดเวลาเล็กน้อยเพื่อดูว่าเธอจะร้องห้ามหรือเปล่า เมื่อไม่มี เขาก็โฉบปากร้อนเข้าประกบทันที
ลิ้นสากสอดแทรกเข้าไปในอุ้งปากเล็กก่อนเกี่ยวกระหวัดดูดดึงด้วยความโหยหา วศินีหลับตาพริ้มด้วยความพอใจ สัมผัสแบบนี้ถูกใจเธอที่สุด
“อืออออ” หญิงสาวครางในลำคอพร้อมมือเล็กที่ลูบต้นแขนเขาไปมา ก่อนเธอจะส่งลิ้นตัวเองเข้าไปพัวพันในโพรงปากของเขาบ้าง ทำเอาเตชินท์ครางหึ่ม เขาดันร่างบางไปที่โต๊ะอาหาร แล้ววางเธอบนโต๊ะก่อนแทรกตัวไปอยู่ตรงหว่างขาเรียว
“พี่เต้ อืมมมม” วศินีเรียกอีกคนเสียงพร่า มือบางเลื่อนมาที่กระดุมเสื้อของเขาอย่างรีบร้อน ทำเอาเตชินท์ถึงกับยิ้มกับความร้อนแรงของเธอที่ไม่เคยเปลี่ยน
“พี่คิดถึงวาที่สุดเลยครับ อยากจะกินวาเข้าไปทั้งตัวตอนนี้เลย” เขาบอกแล้วขบริมฝีปากล่างของเธอและส่งลิ้นเข้าไปในอุ้งปากเล็กอีกครั้ง หญิงสาวดูดดึงลิ้นของเขาแล้วส่งลิ้นของตัวเองเข้าไปในปากของเขาบ้าง มือของเธอปลดกระดุมเสื้อของเขา ส่วนมือของเขาก็เลิกเสื้อคอกลมของเธอขึ้นแล้วดึงมันออกทางศีรษะ ส่วนชั้นใน เขาจัดการปลดตะขอแล้วปล่อยทิ้งไว้บนโต๊ะอาหาร
เมื่ออกอวบขาวเนียนไร้เครื่องพันธนาการ เตชินท์ก็กดจมูกยังก้อนเนื้อนุ่มแล้วใช้ปลายลิ้นลูบเลียผลเชอร์รี่ที่เริ่มแข็งเป็นไต อกอีกข้างมีมือใหญ่นวดคลึงฟ่อนเฟ้นไม่ยอมปล่อย เต้าใหญ่ของเธอช่างเต็มไม้เต็มมือเขาจริงๆ
“อืมม ไหนบอกอยากกินวายังไงล่ะคะ” เธอเร่งเมื่อเขายังอ้อยอิ่งไม่ยอมครอบครองผลเชอร์รี่สุกปลั่งของเธอเสียที เตชินท์กระตุกยิ้ม เมื่อเจอความร้อนแรงที่เขาเคยติดใจ
“พี่ยังไม่แน่ใจว่าวาจะให้พี่กินหรือเปล่า” เขาบอกด้วยสีหน้าไม่มั่นใจ วศินียิ้มพรายแล้วใช้มือกดท้ายทอยเขาให้แนบกับก้อนเนื้อนุ่มพร้อมแอ่นอกน้อยๆ อย่างเชื้อเชิญ
“กินสิคะ วาอยากให้พี่เต้กินจะแย่แล้ว กินจนกว่าจะพอใจเลยนะคะ วายินดี”
สิ้นเสียงหวาน ปากร้อนของเขาก็เข้าครอบครองผลเชอร์รี่สุกปลั่งทันที เขาใช้ฟันหน้าขบเม้มเบาๆ เรียกเสียงครางให้ดังขึ้น ก่อนจะดูดกลืนจนเนื้อนุ่มหายเข้าไปในปากเกือบครึ่งเต้า
“อาาาาา แบบนั้นค่ะ อืมมม อีกค่ะ ดูดอีกค่ะ อาาาา” หญิงสาวร้องขอ ซึ่งเตชินท์ก็ไม่ขัดศรัทธา เขาเปลี่ยนสลับไปดูดกลืนเต้าอีกข้างเพื่อให้เท่าเทียบแล้วย้ายมือไปบีบนวดอีกข้าง ส่วนมือข้างที่ว่างอยู่ เขาเลื่อนลงต่ำเพื่อปลดกางเกงของเธอ โดยได้รับความร่วมมือจากวศินี
กางเกงชั้นนอกและชั้นในของเธอหล่นลงไปกองที่พื้น เช่นเดียวกับกางเกงของเตชินท์ที่ถูกปล่อยให้ตกไปกองที่ปลายเท้า เมื่อร่างบางเปลือยเปล่าเขาก็เลื่อนมือไปยังเนินเนื้อที่ปกคลุมด้วยเส้นไหมสีดำก่อนแทรกนิ้วแกร่งไปตามรอยแยกของกลีบกุหลายงาม ขณะที่วศินีอ้าขาให้กว้างขึ้น
นิ้วแกร่งของเขาขยับเข้าออกในโพรงนุ่ม จนเมื่อน้ำหวานกลิ่นหอมเริ่มเอ่อล้น เขาก็นั่งบนเก้าอี้ก่อนโน้มตัวไปลิ้มรสหวานจากกายสาว
“อ๊ะ อ๊ะ พี่เต้ อื้อออ ซี๊ดดดด อาาาาา” วศินีครางยาวด้วยความเสียวลึก เธอวางเท้าบนตักเขาแล้วยกสะโพกขึ้นเพื่อส่งเนินเนื้อให้เขาดื่มกิน ขณะที่เตชินท์รัวลิ้นเข้าออกเร็วๆ เขาสอดทแยงแล้วกวาดเลียน้ำหวานที่ทะลักล้น นิ้วแกร่งเปลี่ยนไปบีบบดจุดกระสันเพื่อเพิ่มความเสียว จนร่างบางถึงกับบิดเกลียว
“ซู๊ดดดด พี่เต้ขา เสียวค่ะ เสียวที่สุดเลย อ๊าาาา อ๊าาาาา อีกค่ะ กินอีกค่ะ อ๊ะ โอยยยย” หญิงสาวเร่งเสียงหอบ
“ได้เลยจ้ะวาจ๋า หอมหวานอะไรอย่างนี้ แถมยังรัดดีอีกด้วย เยี่ยมมาก” เขาเอ่ยชมเสียงอู้อี้เพราะปากและลิ้นเต็มไปด้วยพูเนื้อสีสด เขาไม่ยอมถอนใบหน้าออกจากกลางลำตัวของเธอเลย ใบหน้าหล่อเหลาเปียกเปื้อนน้ำหวานไปทั่วหน้าแต่ดูเหมือนว่าเขายังไม่พอใจ เขาสอดลิ้นเข้าไปในโพรงอ่อนที่ตอดรัดแล้วกวาดต้อนน้ำหวานตามผนังเนื้อ ทำเอาวศินีครางเสียงดัง มือบางจิกศีรษะเขาแล้วกดลง
“ซี๊ดดดดด อ๊าาาา อ๊าาาา สะ เสียวค่ะพี่เต้ โอวววว เสียวที่สุด ใกล้แล้วค่ะ ใกล้แล้ว” ร่างบางบอกเสียงหอบและเริ่มกระตุกถี่ หน้าท้องไร้ไขมันเริ่มเกร็งเป็นจังหวะ เธอยกสะโพกพ้นพื้นโต๊ะ มือเล็กกดศีรษะเขา ภายในโพรงอ่อนตอดรัดลิ้นร้ายจนเขาขยับไม่ได้ น้ำหวานทะลักออกมามากกว่าเดิม
“อ๊าาาา อ๊าาาาา” วศินีครางอย่างสุขสมเพื่อเขาส่งเธอขึ้นไปบนปุยเมฆได้สำเร็จ
หญิงสาวหายใจหอบแล้วเอนตัวไปข้างหลัง โดยใช้สองแขนยันตัวไว้ ขณะที่เตชินท์ยังคงเก็บกวาดน้ำหวานจากกายเธอแบบไม่ให้เหลือสักหยด เมื่อเรียบร้อย เขาก็เลื่อนตัวขึ้นแล้วประกบปากกับเธอ มือหนาโอบอุ้มสะโพกมนก่อนเขาจะส่งอาวุธประจำกายที่ขยายตัวเต็มที่ไปใกล้ถ้ำสวรรค์แล้วถูไถเนื้อกายกับไรขนอ่อน
“อืออออ พี่เต้ เร็วเถอะค่ะ วาอยากให้พี่เต้กินจะแย่แล้ว” เธอเร่งมาอีกแล้วใช้เท้ากดสะโพกสอบของเขา สองแขนของเธอโอบรอบคอเขาไว้แน่น
“พี่ก็อยากกินวาเต็มทีแล้วเหมือนกัน เดี๋ยวพี่จะกินๆๆๆ ให้หมดเลยนะจ๊ะ” เขาบอกเสียงพร่าแล้วจูบเธอหนักๆ ที่ปาก ขณะที่ด้านล่าง เขาค่อยๆ ดันกายใหญ่เข้าไป พร้อมกันนั้นก็จับขาเธอมาเกี่ยวที่เอวหนา
“อ๊ะ อ๊ะ พี่เต้ โอยยย อืมมมม”
“อืมมมม ยังแน่นเหมือนเดิมนะวา โอ๊ะ โอวววว” เตชินท์ครางลึกในลำคอ ช่องทางรักของเธอคับแน่น อย่างคนดูแลตัวเองอย่างดี หรือไม่เธอก็ไม่ค่อยได้ใช้งาน แต่คิดว่าประเด็นหลังคงไม่ใช่ คนร้อนแรงอย่างวศินีน่ะเหรอ ใครปล่อยให้นอนเหงาก็คงโง่เต็มที่ เขานึกอิจฉาเพื่อนรุ่นพี่ด้วยซ้ำที่ได้ลิ้มรสหวานจากกายเธอในทุกๆ คืน
“อ๊ะ อ๊ะ ซี๊ดดดดด อ๊าาาา พี่เต้ พี่เต้ขา อีกค่ะ เข้าไปอีกค่ะ โอวววว”
“ได้เลยจ้ะวาจ๋า เตรียมตัวให้พร้อมนะจ๊ะ ถึงวาหมดแรงพี่ก็ไม่เลิกหรอกนะ” เขาขู่ ขณะที่วศินีหัวเราะ เธอแอ่นอกถูไถกับอกแกร่งก่อนกดท้ายทอยเขาให้ลงมาที่เต้าอวบ ชายหนุ่มไม่ขัดความต้องการ เขาอ้าอมผลเชอร์รี่เม็ดอวบเข้าไปในโพรงปากแล้วดูดกลืนแรงๆ เช่นเดียวกับด้านล่างที่เขาเริ่มขยับสะโพกให้เร็วขึ้นและแรงขึ้นเพื่อส่งตัวตนเข้าไป ซึ่งตอนนี้กายใหญ่ของเขาเข้าไปได้เกินครึ่งแล้ว
“ซี๊ดดดด อาาาา อาาา สะ เสียวจังเลยค่ะ เข้ามาอีกสิคะ เข้ามาอีกค่ะ” เธอร้องสั่ง ทำให้เตชินท์ต้องอุ้มเธอขึ้นแล้วดันตัวเองเข้าไปแรงๆ จนท่อนเนื้อเข้าไปจนมิดโคน ทำเอาร่างบางถึงกับสะดุ้งและครางเสียงดัง เขาขยับสะโพกรัวเร็วดันเนื้อกายเข้าไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทุกจังหวะหนักหน่วงจนวศินีเสียวสะท้าน เธอครางรับการส่งตัวตนของเขาพร้อมกันนั้นก็กอดคอเขาแน่น
“อีกค่ะพี่เต้ ซี๊ดดดดด อีกค่ะ โอววว โอยยยย โอยยย”
“อืมมมม เยี่ยมมาก สุดๆ ไปเลย วาเริ่มตอดพี่แล้ว โอ๊ะ โอ๊ะ โอวววว โอววว เยี่ยมยอดอะไรอย่างนี้” เขากัดฟัน สะโพกไม่หยุดเคลื่อนไหวสักวินาที โพรงอ่อนของเธอกระตุกตอดรัดเนื้อกายของเขาจนเตชินท์ถึงกับหน้าเบี้ยว
“โอวววว โอวววว โอยยยย”
“อ๊าาาาา ซี๊ดดดด พี่เต้ขา อาาาา”
เสียงครางของทั้งสองดังขึ้นพร้อมกันเมื่อเดินทางไปถึงสรวงสวรรค์อันวิจิตร วศินีกอดรัดเขาแน่น เช่นเดียวกับโพรงอ่อนที่ตอดรัดตัวตนของเขาไว้จนชายหนุ่มต้องนิ่งแช่ฝังแก่นกายไว้ด้านใน สายน้ำรักสีขาวขุ่นพวยพุ่งเข้าไปในตัวเธอ
“นี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือนที่พี่มีความสุข” เตชินท์กระซิบบอกแล้วพรมจูบไปทั่วแก้มเนียน
“นี่ก็เป็นความสุขครั้งแรกนับตั้งแต่พี่เต้กลับไปค่ะ” เธอบอกตามความจริง
ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีมลายไปสิ้นเมื่อเจอกับบทรักที่เธอถวิลหา หลายเดือนที่ผ่านมา เธอพยายามนึกถึงครอบครัวของเธอ นึกถึงสามีของเธอ แต่เมื่อใดที่ต้องร่วมรักกับไกรวิทย์ ความร้อนแรงที่เตชินท์มอบให้เธอก็จะเข้ามาในความคิด ทำให้เธอไม่ค่อยมีความสุขกับสามีเลย
แต่เธอกลับมีความสุขและรู้สึกตื่นเต้นทุกครั้งเมื่อนึกถึงบทรักแสนเร่าร้อนของเตชินท์ ยิ่งมาเจอกันอีกครั้งในวันนี้ ทำให้หัวใจของเธอแจ่มชัดขึ้นว่าเธอต้องการเขามากแค่ไหน
เธอติดใจรสสวาทของเขาจนถอนตัวไม่ขึ้นเสียแล้ว

ตอนที่ 2
คุณครูคนใหม่
วศินีขับรถยนต์ส่วนตัวเข้ามาในซอยบ้านตัวเองก่อนเธอจะเบรกกะทันหันเมื่อมีเด็กคนหนึ่งวิ่งตัดหน้ารถพร้อมเสียงตะโกนด้วยความตกใจ
“กรี๊ดดด” หญิงสาวหลับตาแล้วกำพวงมาลัยแน่น ศีรษะของเธอถลำไปข้างหน้าจากการเบรก โชคดีที่คาดเข็มขัดไว้ทำให้หัวไม่กระแทกหน้ารถ เธอหายใจหอบและภาวนาขอให้ตัวเองไม่ชนเด็กคนนั้น
เสียงเด็กร้องไห้ดังแว่วมาให้ได้ยินพร้อมเสียงทุ้มเอ็ดตะโรฟังไม่ได้ศัพท์ วศินีถอนใจด้วยสีหน้าโล่งๆ เสียงร้องไห้ทำให้เธอมั่นใจว่าตัวเองไม่ได้ชนเด็กคนนั้นหรือถ้าชนก็คงไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต และเมื่อตั้งสติได้แล้วเธอก็รีบลงจากรถไปดูเหตุการณ์
“น้าบอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าวิ่งๆ ทำไมถึงไม่เชื่อฟังบ้างเลย นี่ถ้าถูกชนขึ้นมาจะทำยังไง ห๊า!” ชายหนุ่มร่างสูงพูดเสียงดังแทบจะกลายเป็นตะโกนใส่เด็กชายตัวน้อยวัยไม่น่าเกินหกขวบที่กำลังนั่งร้องไห้อย่างเสียขวัญ
“คุณคะ อย่าดุแกเลยค่ะ” หญิงสาวรีบห้ามแล้วตรงไปดู “หนูเป็นยังไงบ้างจ๊ะ น้าขอโทษนะที่ไม่ทันระวัง”
“น้องนนต่างหากที่ต้องขอโทษคุณ นี่สงสัยกลับไปต้องโดนสักทีสองทีจะได้จำ” ชายคนนั้นยังไม่หายโมโห เขายืนกอดอกแล้วมองเด็กชายด้วยคิ้วที่ขมวดยุ่ง ขณะที่เด็กชายังร้องไห้น้ำตาไหลพราก หญิงสาวเห็นชายคนนั้นถอนใจหลายครั้งก่อนเขาจะนั่งยองๆ แล้วลูบศีรษะเด็กน้อย
“ไม่เอาน้องนน อย่าร้อง น้าขอโทษที่อารมณ์เสียไปหน่อย แต่คราวหลังน้าพูดอะไรก็เชื่อฟังบ้าง นี่มันถนนรถวิ่งไม่ใช่สนามเด็กเล่น” เขาพูดเสียงอ่อนแล้วอุ้มเด็กชายขึ้นมาพร้อมปัดเศษดินเศษฝุ่นตามตัว เด็กชายไม่ได้รับบาดเจ็บและนั่งห่างจากรถของเธอไปเป็นวา
“นนขอโทษ” เด็กน้อยว่าแล้วกอดชายหนุ่มคนนั้นไว้แน่น
“เจ็บตรงไหนบ้างครับ เดี๋ยวน้าพาไปทำแผล” เขาถามเสียงอ่อน ผิดเป็นคนละคนกับเมื่อครู่โดยสิ้นเชิง
“ไม่ครับ นนไม่เจ็บ” เมื่อได้รับคำตอบจากหลานชาย หนุ่มร่างสูงก็หันมาทางวศินี
“ขอโทษด้วยนะคะที่ฉันไม่ทันระวัง เกือบชนหลานคุณแล้ว” เธอพูด น้ำเสียงยังสั่นๆ ด้วยความผวา
“ผมต้องขอโทษด้วยที่หลานวิ่งมาตัดหน้ารถคุณ และโชคดีที่คุณขับไม่เร็ว ไม่งั้นน้องนนไม่รู้จะเป็นยังไงบ้าง” น้ำเสียงของเขาแสดงความหวาดหวั่นเช่นกัน
“ในซอยแบบนี้ขับเร็วไม่ได้หรอกค่ะ บ้านคุณอยู่ตรงไหนคะ ฉันไม่เคยเห็นคุณเลย เพิ่งย้ายมาหรือคะ” เธอถาม บ้านเธออยู่ในซอยเล็กที่พอให้รถสวนกันเท่านั้นและไม่ได้เป็นถนนทางลัด รถที่วิ่งหรือคนที่เดินไปมา ส่วนใหญ่จะเป็นคนในซอยนี้ ซึ่งเธอจะคุ้นหน้าคุ้นตาพอสมควร แม้ไม่สนิทกันก็ตาม
“ผมเพิ่งย้ายมาครับ แต่อยู่ซอยถัดไป วันนี้ว่างๆ เลยมาเดินสำรวจว่าแถวนี้มีอะไรบ้าง” เขาตอบ
“ฉันอยู่ซอยนี้นะคะ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ”
“ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับ ตรงนี้ไม่มีอะไรแล้ว ผมกับหลานขอตัวกลับก่อนนะครับ” เขาเอ่ยลาเพราะหลานชายตัวน้อยฟุบหลับคาไหล่ไปแล้ว
“เดี๋ยวฉันไปส่งดีกว่าค่ะ จากตรงนี้อีกตั้งไกลกว่าจะถึงทางเชื่อมซอย ตอนนี้หลานคุณก็หลับอยู่ด้วย อย่าเดินตากแดดเลยนะคะ เดี๋ยวจะไม่สบายไป” เธอบอกอย่างเป็นห่วง ชายคนนั้นเหลือบมองหลานชายด้วยสีหน้าตัดสินใจก่อนพยักหน้าให้เธอ
“ยังไงต้องรบกวนคุณแล้วล่ะครับ” เขาไม่ขัดก่อนเดินไปขึ้นรถของวศินี
บ้านของวิกรมอยู่ห่างจากบ้านของวศินีพอสมควร ซึ่งถ้าเดินอาจต้องใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมง แถมเดินในสภาพอากาศที่ร้อนอ้าวแบบนี้ มีหวังหลานของเขาต้องไม่สบายแน่ๆ
และเมื่อไปส่งถึงบ้าน เขาก็แสดงความเป็นเจ้าบ้านที่ดี โดยการเชิญเธอไปดื่มน้ำและนั่งคุย วศินีอยากคุยกับเด็กชายที่กำลังหลับ จึงอยู่คุยกับวิกรมที่บ้านของเขา ซึ่งดูจากการตกแต่งแล้ว ไม่เหมือนคนเพิ่งย้ายเข้ามาอยู่เลย
“นี่เป็นบ้านพ่อกับแม่ผมครับ ส่วนผมเพิ่งย้ายเข้ามาอยู่” ชายหนุ่มเฉลย “วันนี้ว่างก็เลยชวนหลานออกไปเดินเล่น ปกติแกก็ไม่ค่อยออกไปไหนหรอกครับ เพราะแม่ผมไม่ยอมพาออกไป แกเป็นเด็กค่อนข้างซนน่ะครับ ชอบวิ่งเล่น ผู้ใหญ่เขาจับไม่ค่อยทัน แต่ช่วงนี้แม่ผมไปต่างจังหวัด ผมเลยต้องรับอาสาดูหลานให้ นี่ถ้าเขารู้ว่าหลานเกือบถูกรถชน ผมโดนเล่นงานแน่ๆ ครับ”
“น้องนนกี่ขวบแล้วคะ น่าจะเข้าโรงเรียนได้แล้วนะคะ”
“เข้าครับ แต่ช่วงนี้โรงเรียนปิด อีกสองเดือนเปิดเทอมก็ขึ้นปอหนึ่งแล้วครับ”
“อ๋อ! โรงเรียนปิดหรือคะ ที่บ้านวาไม่มีเด็กเลยไม่รู้ว่าช่วงไหนเปิดหรือปิด” เธอบอกเก้อๆ ระหว่างนั้นเด็กชายตัวน้อยก็รู้สึกตัวขึ้น วิกรมยิ้มให้หลานที่นั่งทำหน้ามึนงง
“ไงเรา จำได้มั้ยว่าเกิดอะไรขึ้น” เขาถามยิ้มๆ น้ำเสียงเป็นกันเอง
“นนฝันครับ ฝันว่าเกือบโดนรถชน เอ๊ะ!” เด็กชายอุทานเมื่อเหลือบไปเห็นสาวในความฝันที่เกือบขับรถชนตัวเอง
“น้องนนไม่ได้ฝันหรอก แต่เพราะเราซนจนเกือบโดนรถชนจริงๆ ต่างหาก นี่ดีนะที่น้าวาขับไม่เร็ว ไม่งั้นเราต้องโดยคุณยายฟาดก้นแน่ๆ”
“นนขอโทษครับ” น้องนนทำหน้าเศร้าแล้วเดินเข้าไปยกมือไหว้วศินี หญิงสาวลูบศีรษะเด็กน้อยอย่างเอ็นดู
“น้าวาก็ต้องขอโทษด้วยที่ขับรถไม่ระวัง น้องนนยังเจ็บอยู่มั้ยครับ” เธอถาม
“ไม่ครับไม่เจ็บเลย เดี๋ยวนนเปิดทีวีให้น้าวาดูนะครับ” เด็กชายพูดอย่างเอาใจ เพราะรู้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตัวเองทำผิดเต็มประตู
“เอาสิครับ” วศินีไม่ขัด เธอรักเด็กเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ยิ่งมาเจอเด็กช่างพูดและไม่งอแงแบบนี้ ทำให้รักและเอ็นดูเป็นพิเศษ
รายการที่น้องนนเปิดให้ดูเป็นการ์ตูนสอนภาษาอังกฤษแบบง่ายๆ จำพวก สัตว์ ผลไม้และสิ่งต่างๆ ที่เด็กต้องพบเจอ
“ดูน้องนนจะชอบภาษาอังกฤษนะคะ” หญิงสาวชวนคุย
“เริ่มดีขึ้นครับ เมื่อก่อนน้องนนไม่ชอบเลย นี่ก็พยายามให้ดูซีดีพวกนี้เยอะๆ เปิดเรียนแล้วจะได้เรียนทันเพื่อนๆ เขา” เขาบอกและหยิบสมุดภาพภาษาอังกฤษที่วางอยู่บนโซฟามาเปิดดู
“น้องนนมาอ่านนี่โชว์น้าวาหน่อยครับ” เขาบอกหลาน น้องนนละสายตาจากการ์ตูนหันมามองแล้วทำหน้าเหม็นคล้ายไม่ชอบแต่ก็ยอมเดินมาใกล้น้าชาย
“น้องนนจำศัพท์ผลไม้ได้หมดหรือยังครับ” เขาถาม
“ได้แล้วครับ” เด็กชายบอกแล้วรับสมุดไปถือไว้ก่อนอ่าน ผลไม้ที่พบเห็นเป็นประจำ เด็กน้อยก็พอจะอ่านได้ แต่ถ้าเป็นผลไม้ที่ไม่มีในประเทศและหายาก เด็กชายก็ท่องแบบติดขัดและเกาหัว สร้างรอยยิ้มให้วศินีไม่น้อย ก่อนเธอจะช่วยบอกศัพท์ที่เด็กน้อยไม่รู้ หลังจากนั้นการสอนคำศัพท์จึงเกิดขึ้น เธอเข้ากับน้องนนได้ดีและสนิทกันอย่างรวดเร็ว
“คุณวาเข้ากับเด็กได้ดีนะครับ สนใจที่จะมาเป็นครูพิเศษให้น้องนนมั้ยครับ ผมให้ใครมาสอนกี่คนๆ ก็เอาน้องนนไม่อยู่สักคน” วิกรมเอ่ยชวนก่อนมีสีหน้าไม่มั่นใจ “ไม่ทราบว่าคุณวาสะดวกมั้ยครับ”
“วาสะดวกอยู่แล้วค่ะ เพราะปกติก็ไม่ได้ทำอะไรอยู่แล้ว นอกจากทำงานบ้าน”
“แล้วสนใจที่จะมาสอนน้องนนมั้ยครับ วันละหนึ่งถึงสองชั่วโมง ส่วนเวลาก็แล้วแต่คุณวาสะดวกเลยครับ จะเป็นบ้านผมหรือบ้านคุณก็ได้”
“จริๆ วาสนใจค่ะ แต่ขอวาไปคุยกับสามีก่อนได้มั้ยคะว่าเขาจะอนุญาตหรือเปล่า” เธอบอกแบบแบ่งรับแบ่งสู้
“ได้ครับ” วิกรมยิ้มรับ
วศินีนั่งเล่นกับน้องนนเกือบสองชั่วโมงก็ขอตัวกลับ โดยมีเด็กชายตามไปโบกมือล่ำลาและมีสีหน้าไม่อยากให้เธอกลับอยู่หน้าบ้าน
เย็นวันนั้น วศินีก็บอกเรื่องการเป็นครูพิเศษของเธอกับสามี ในตอนแรกไกรวิทย์ค่อนข้างแปลกใจที่เธอไปรู้จักกับคนที่อยู่ซอยถัดไป จนเมื่อหญิงสาวบอกเล่าเหตุการณ์ให้ฟังเขาก็พยักหน้ารับ
“นี่ดีนะที่ลูกหลานเขาไม่เป็นอะไรมาก ไม่งั้นน้องวาต้องแย่แน่ๆ”
“จริงค่ะ ตอนนั้นน้องวาตกใจหมดเลย แต่ก็ดีนะคะที่น้าของเด็กไม่โทษว่าเป็นความผิดของน้องวา ตอนแรกเขาดุหลานใหญ่เลยค่ะที่วิ่งออกมาที่ถนน”
“แล้วเรื่องไปสอนพิเศษหลานเขา น้องวาตัดสินใจยังไง” ไกรวิทย์ถาม
“น้องวาสนใจค่ะ หลานเขาน่ารักดีนะคะ ช่างพูดช่างคุย แล้วก็สอนแค่สองชั่วโมงต่อวันเท่านั้น น้องวาอยากลองดูค่ะ พี่ไกรเห็นว่ายังไงคะ”
“พี่ตามใจน้องวาจ้ะ ถ้าน้องวาอยากทำพี่ก็เห็นดีด้วย ดีเหมือนกันน้องวาจะได้ไม่เบื่อ”
“ขอบคุณมากค่ะ” เธอบอกแล้วเข้าไปกอดและหอมแก้มเขา ไกรวิทย์ลูบศีรษะภรรยาอย่างเอ็นดู
“วันมะรืนพี่ต้องไปสิงคโปร์ประมาณสามวัน น้องวาจะไปอยู่กับคุณพ่อคุณแม่ก่อนมั้ย”
“ไปสิงคโปร์หรือคะ พี่ไกรไม่เห็นบอกน้องวาก่อนเลย” เธอถามเสียงตกใจ
“พี่เพิ่งรู้แพลนน่ะ นี่ก็เพิ่งจองตั๋วกันเมื่อกลางวันนี่เอง”
“มีใครไปบ้างคะ”
“พี่กับชัชสองคน”
ชัชพงศ์ คือหุ้นส่วนที่ร่วมกับไกรวิทย์เปิดบริษัทรับติดตั้งระบบคอมพิวเตอร์ เขาเป็นรุ่นน้องของไกรวิทย์ เคยทำงานบริษัทเดียวกัน ก่อนแยกตัวออกมาเปิดบริษัทร่วมกัน
“น้องวาจะไปอยู่บ้านแม่มั้ย พี่ไม่อยากให้น้องวาอยู่คนเดียว” เขาบอกมาอีก
“ไม่เป็นไรค่ะ น้องวาอยู่ที่นี่คนเดียวได้”
“แน่ใจนะว่าอยู่ได้” เขาถามย้ำ
“แน่ใจสิคะ เราอยู่ที่นี่กันมาตั้งหลายปีแล้ว ไม่เห็นมีอะไรเลย”
“งั้นก็ตามใจ พี่ไม่อยากขัดใจน้องวา แต่ถ้าเหงาหรือรู้สึกไม่ปลอดภัย น้องวาต้องรีบโทรไปบอกที่บ้านเลยนะ หรือว่าจะให้พี่โทรไปบอกดี เผื่อว่าจะให้คุณแม่มาอยู่เป็นเพื่อนด้วย”
“ไม่ค่ะไม่ต้อง” หญิงสาวรีบห้าม “น้องวาโตแล้วนะคะ แต่งงานมาหลายปีแล้วด้วย พี่ไกรอย่าทำเหมือนน้องวาเป็นเด็กเล็กๆ สิคะ” เธอบอกเสียงงอน
“โอเคๆ พี่ไม่บอกที่บ้านก็ได้” ไกรวิทย์ยอมตามใจ
เมื่อถึงวันเดินทาง วศินีไปส่งสามีที่สนามบิน ครั้งนี้เธอได้เจอกับชัชพงศ์ด้วย
เขาเป็นชายหนุ่มร่างผอมสูงผิวขาว ชายหนุ่มสนิทกับวศินีพอสมควรเพราะเจอกันบ่อยตามงาน
เมื่อใกล้ถึงเวลาเข้าเกต ไกรวิทย์ก็ดึงภรรยามากอดและหอมแก้มพร้อมทั้งย้ำนักย้ำหนาให้ดูแลตัวเองดีๆ แล้วเขาจะโทรมาถามความเคลื่อนไหวเรื่อยๆ หญิงสาวยิ้มและรับคำด้วยน้ำเสียงแข็งขันก่อนยืนส่งจนสองหนุ่มเข้าเกตหายลับตาไป
เมื่อเข้าสู่พื้นที่สำหรับผู้โดยสารแล้ว ชัชพงศ์ก็ช้อนตามองหุ้นส่วนด้วยสีหน้าไม่พอใจ ขณะที่ไกรวิทย์ยิ้ม
“ไม่เอาน่าชัช คนเป็นสามีภรรยากันก็ต้องแสดงออกบ้าง”
“แต่นี่มันเกินไป เล่นกอดเล่นหอมกันต่อหน้าต่อตากันเลย” ชัชพงศ์บอกด้วยน้ำเสียงปั้นปึง จนไกรวิทย์ต้องเอื้อมมือไปจับมือเขาไว้แล้วบีบเบาๆ
“ถึงโน่นก็ค่อยลบก็ได้นี่ ไม่เห็นต้องโกรธเลย” เขายังใจเย็น ขณะที่ชัชพงศ์ยกมือขึ้นเช็ดแก้มของไกรวิทย์ ตรงตำแหน่งที่วศินีประทับรอยจูบไว้
“แน่นอนอยู่แล้ว จะลบออกให้หมดทั้งตัวเลย...พี่ไกรกลับบ้านไปเป็นอาทิตย์ คงมีความสุขมาก” อีกฝ่ายเอ่ยด้วยน้ำเสียงประชดประชัน
“สุขขนาดไหนก็สู้ชัชไม่ได้หรอก นี่พี่อุตส่าห์พาไปเที่ยวไกลถึงสิงคโปร์แล้ว ยังจะโกรธอีกเหรอ” ไกรวิทย์ถามยิ้มๆ และมองหนุ่มรุ่นน้องด้วยแววตารักใคร่เอ็นดู ผู้โดยสารที่เดินเข้าเกตส่วนใหญ่เป็นคนต่างชาติและต่างคนต่างเดิน ไม่มีใครสนใจพวกเขา ทำให้ทั้งสองพูดคุยและแสดงออกอย่างเปิดเผย
“วาไม่สงสัยเลยหรือว่าพี่ไกรไปทำอะไรที่สิงคโปร์” ชัชพงศ์ถาม ไกรวิทย์ยักไหล่เล็กน้อย
“ไม่ถามอะไรเลย พี่บอกแค่ว่าเพิ่งรู้แพลนแล้วเปลี่ยนเรื่องบอกให้เขาไปอยู่กับครอบครัว น้องวาไม่ชอบให้ใครมองเขาเป็นเด็กๆ เรื่องไปสิงคโปร์เลยถูกลืมๆไป”
“น้องวาอย่างนั้น น้องวาอย่างนี้” ชัชพงศ์เลียนเสียงแบบงอนๆ
“ไม่เอาน่า อย่าทำให้การเที่ยวของเราวันนี้มันกร่อยสิ นานๆ เราจะมาเที่ยวกับแบบนี้ซะที อย่างอนนักเลย” รุ่นพี่ยังพูดอย่างใจเย็นและไม่ถือเป็นสาระ
“ก็ได้ครับ แต่ไปถึงโน่นแล้ว พี่ไกรต้องตามใจชัชนะครับ” ชัชพงศ์บอก
“พี่เคยขัดใจชัชเหรอ” เขาถามกลับ ชัชพงศ์ยิ้มปลื้ม นี่ถ้าไม่ติดว่ากำลังเดินอยู่ในสนามบิน เขาคงกระโดดหอมแก้มไกรวิทย์เพื่อให้รางวัลแล้ว
“สามวันนี้จะเป็นของชัชคนเดียว พี่พาเที่ยวแล้ว ชัชต้องตามใจและให้รางวัลพี่ด้วยนะ” ไกรวิทย์บอกเสียงยิ้มๆ
“แน่นอนอยู่แล้ว รอให้ถึงห้องพักก่อนนะครับ ชัชรับรองว่าพี่ไกรจะต้องชอบและมีความสุขมากกว่าอยู่กับชะนีน้อยแน่ๆ”
ไกรวิทย์หัวเราะเมื่อได้ยินรุ่นน้องคู่ขาเรียกภรรยาของตน ก่อนทั้งคู่จะยุติบทสนทนาเมื่อเดินมาถึงที่นั่งพัก
ทั้งสองไม่พูดคุยกันอีกและมุ่งความสนใจไปยังโทรศัพท์ของตน พวกเขาเปิดโปรแกรมไลน์และเข้าสู่การแชทแบบส่วนตัว ซึ่งไม่มีข้อความใดๆ ก่อนหน้านั้นเลย เพราะเป็นการคุยแล้วลบแบบครั้งต่อครั้ง ไกรวิทย์ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ เช่นเดียวกับชัชพงศ์ที่กดโทรศัพท์ไปกลั้นยิ้มไป ข้อความที่ทั้งสองส่งให้กันมีแต่คำหวานและคำพลอดรักที่ชวนให้ขวยเขิน

ตอนที่ 3
มนต์สวาท
ขณะที่ไกรวิทย์กำลังมีความสุขกับคู่ขาลับๆ ของเขา วศินีก็กำลังเบิกบานกับชายหนุ่มที่เธอถวิลหาเช่นกัน
รถยนต์ของเตชินท์ขับมาจอดเทียบหน้าประตูรั้วปิดมิดชิดของบ้านหลังใหญ่ในช่วงบ่ายโมง สักพักประตูบานนั้นก็เปิดออกด้วยรีโมทจากคนในบ้าน และหลังจากจอดรถเรียบร้อยแล้ว เขาก็รีบเดินเข้าไปในบ้านที่มีหญิงสาวเจ้าของบ้านรออยู่
“พี่เต้” วศินีเรียกคนที่เพิ่งเดินเข้ามาด้วยดวงตาเป็นประกายอย่างรอคอย เตชินท์บอกว่าจะมาหาเธอ หลังจากรู้ว่าเพื่อนรุ่นพี่ของเขาไปเมืองนอก ซึ่งหญิงสาวก็ไม่ปฏิเสธ
“คิดถึงวาจังเลยครับ” เตชินท์บอกอย่างไม่ปิดบัง เขาเดินมาสวมกอดเธอไว้แน่นพร้อมริมฝีปากร้อนที่คลอเคลียไปทั่วหน้าเนียน
“วาก็คิดถึงพี่เต้ค่ะ” เธอบอก แม้จะห้ามใจไม่ให้คิดถึงเขาแค่ไหน แต่เธอก็ไม่เคยทำได้สักครั้งและต้องพ่ายแพ้ให้กับความต้องการด้านมืดเสมอ
เธอไม่อาจต้านทานมนต์สวาทที่เขามอบให้และยอมรับว่าติดใจกับบทรักแสนเร่าร้อนแบบที่สามีไม่เคยมีให้เธอ
“ดีจังนะครับที่พี่ไกรไปเมืองนอกแบบนี้” เตชินท์บอกแล้วโอบเอวเธอไปที่โซฟาในห้องนั่งเล่นแบบเป็นส่วนตัวที่อยู่ข้างสวน
“ตั้งสามวันเลยนะคะ” เธอบอกด้วยดวงตาเป็นประกายสุกใส เตชินท์หัวเราะเบาๆ ก่อนกดจมูกโด่งยังขมับของเธอ
“แค่สามวันต่างหากครับ ความจริงพี่อยากให้มีเวลามากกว่านี้ด้วยซ้ำ” เขาบอกจากใจจริง
หลายเดือนที่ผ่านมา แม้เขาจะไม่ได้ติดต่อกับวศินีอีกและยังมีสาวสวยมากมายมาให้เขาเลือก แต่ก็ไม่มีใครทำให้เขาติดใจได้เท่าคนที่มีสามีแล้วอย่างวศินีเลย
“เมื่อก่อนวาไม่อยากให้พี่ไกรไปต่างจังหวัดหรือไปต่างประเทศเลย แต่ตอนนี้วาชักอยากให้ไปแล้ว” เธอบอกเสียงเบาคล้ายเป็นการพูดกับตัวเองมากกว่า
แม้จะรู้ว่าไม่ถูกไม่ควร แต่เธอก็ไม่อาจปฏิเสธใจตัวเองได้ เธอมีสามีเป็นตัวเป็นตนอยู่แล้ว และรู้อยู่แก่ใจว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องดีและไม่มีใครยอมรับได้ บางครั้งเธอก็รับตัวเองไม่ได้เหมือนกันที่ต้องกลายเป็นคนมากรักและนอกกายนอกใจสามีแบบนี้
ถึงสิ่งที่ทำมันผิด แต่มันก็ทำให้เธอมีความสุข และเธอก็เลือกความสุขมากกว่าความถูกต้อง
“วันนี้วาทำอะไรกินบ้างครับ” เขาถาม ขณะที่วศินีมองเขาแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์
“พี่ถามถึงของกินจริงๆ ครับ” เขารีบพูดด้วยน้ำเสียงหัวเราะๆ “แต่หลังจากกินอิ่มท้องแล้ว เราค่อยไปกินอย่างอื่นที่มันอิ่มใจต่อ” น้ำเสียงของเตชินท์เบาลงเรื่อยๆ พร้อมใบหน้าที่โน้มมาใกล้ใบหน้าหวาน หญิงสาวยิ้มอายๆ แต่ก็ไม่ได้หลบเลี่ยงหรือผลักไส
จมูกโด่งของเตชินท์แตะแก้มเนียนของเธอเบาๆ ก่อนเขาจะลากปากร้อนมาที่ปากของเธอพร้อมกันนั้นก็ผลักเธอลงนอนบนโซฟากว้างไปด้วย
“ไหนบอกว่าจะกินให้อิ่มท้องก่อนไงคะ” เธอเตือน
“ก็วาไม่บอกพี่นี่ พี่ก็คิดว่าวาอยากให้พี่กินอย่างอื่นให้อิ่มก่อน” เขาบอกตาใส ทำเอาวศินีหัวเราะคิก
“วายังไม่รู้เลยว่าจะทำอะไรกิน ปกติถ้าพี่ไกรไม่อยู่ วาก็จะไม่ทำและอุ่นอาหารสำเร็จรูปกินแทน พี่เต้จะกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมั้ยคะ เดี๋ยววาต้มให้ ใส่ไข่ใส่ผักก็กินได้แล้วค่ะ” เธอบอก
“ครับ แบบนั้นก็ได้ เพื่อความรวดเร็ว เราจะได้เอาเวลาไปทำอย่างอื่นต่อ” เขาเห็นด้วย
“หิวหรือยังคะ เดี๋ยววาจะไปทำให้กินก่อน” เธอถามแล้วขยับตัวจะลุกขึ้นแต่เตชินท์กดตัวไว้
“เดี๋ยวก่อนครับ ตอนนี้พี่อยากกินอย่างอื่นให้อิ่มมากกว่า เรื่องอิ่มท้องรอก่อนก็ได้ครับ” เขากระซิบเสียงพร่าแล้วลุกขึ้นนั่งโดยให้เธอนั่งบนตักเขา
มือหนาสอดไปด้านหลังแล้วเลิกเสื้อของเธอขึ้นก่อนถอดออกทางศีรษะตามติดด้วยชั้นในของเธอ
และเมื่อด้านบนของเธอเปลือยเปล่า เตชินท์ก็โฉบปากร้อนเข้าครอบครองเต้าอวบใหญ่ที่เขาปรารถนาทันที พร้อมอีกมือที่คอยบีบนวดเต้าข้างที่ว่าง โดยมีวศินีแอ่นอกป้อนให้อย่างเต็มใจ
“อืมมม ดีจังค่ะพี่เต้” เธอครางในลำคออย่างพอใจ แม้จะเพิ่งร่วมรักกันไปอย่างจัดเต็มเมื่ออาทิตย์ก่อน แต่ดูเหมือนว่าจะยังไม่พอสำหรับวศินี
เขาเป็นคนเปิดประสบการณ์ใหม่ให้กับเธอ เป็นคนสอนบทสวาทอันร้อนแรงให้กับเธอ และเขาเป็นคนทำให้เธอไม่อาจทนกับบทรักแสนธรรมดาของสามีได้อีกต่อไป
“หอมหวานจริงๆ เลยวา” เขาพูดเสียงอู้อี้เพราะมีก้อนเนื้อนิ่มอยู่เต็มปาก มือบางคลึงศีรษะของเขาและนวดเบาๆ เธอขยับตัวถูไถส่วนล่างกับกางเกงของเขา ทำเอาเตชินท์ถึงกับตัวสั่นต้องผลักหญิงสาวลงนอนแล้วจัดการรูดกางกางผ้าของเธอออกเร็วๆ พร้อมชั้นในตัวบาง จนชิ้นล่างของเธอไปกองอยู่ที่ปลายเท้า หลังจากนั้นก็หันมาปลดกางเกงของตัวเองอย่างเร่งด่วน โดยปลดทีเดียวสองชิ้นรวด เมื่อสองร่างเปลือยเปล่าแบบหมดจด เขาก็จับวศินีให้ขึ้นมานั่งบนตักเขาอีกครั้งพร้อมปากร้อนที่ดูดกลืนเต้าอวบแบบไม่รู้จักอิ่ม
“อาาาา วา แบบนั้น อืมมมม” เตชินท์ครางในลำคอเมื่อวศินีถูไถเนินเนื้อของเธอกับหน้าท้องแข็งแรงของเขา โพรงอ่อนของเธอเริ่มมีน้ำหวานประพรมทำให้เปื้อนท้องน้อยของเขา ชายหนุ่มไม่รอช้ารีบเลื่อนมือไปยังกลางลำตัวของเธอทันที
มือใหญ่ลูบไล้เนินเนื้อที่มีไรขนอ่อนปกคลุมก่อนเขาจะแทรกนิ้วแกร่งไปตามรอยแยกของกลีบกุหลาบงาม น้ำหวานกลิ่นหอมเริ่มมีมากขึ้นจากบทพิศวาสที่ทั้งสองร่วมกันบรรเลง
นี่ขนาดว่าเขายังไม่เริ่ม เธอยังตื่นตัวถึงเพียงนี้ นี่ถ้าเขาเดินหน้าแบบเต็มสูบ ไม่ต้องสำลักความสุขกันเลยหรือ...เตชินท์คิดด้วยอารมณ์พลุ่งพล่าน
“อ๊ะ อ๊ะ พี่เต้ อืมมมม พี่เต้ขา” เสียงหวานครางแผ่วเมื่อนิ้วของเขาสอดเข้าไปในโพรงอ่อน วศินีขยับตัวถอยห่างด้วยความเสียววูบ แต่ก็แค่เดียวเดี๋ยว เธอก็กดตัวเองลงเพื่อกลืนกินนิ้วของเขา ส่วนด้านบน ปากร้อนกำลังดูดกลืนเต้าอวบของเธอแบบไม่ยอมลดละ
ทั้งสองผลัดกันกลืนกินกันและกันแบบไม่มีใครยอมใคร
“อาาาา พี่เต้ อืมมม สะ เสียวจังค่ะ เข้าไปอีกค่ะ เข้าไปอีก แรงหน่อยค่ะ” เธอร้องขอด้วยไฟสวาทที่โหมกระพือถึงขีดสุด เธอขยับตัวขึ้นลงสวนการส่งนิ้วเข้าออกของเขา ขณะที่ด้านบนก็ต้องแอ่นอกให้เขาไปด้วย เต้าอวบเต่งตึงของเธอเปียกเปื้อนไปด้วยน้ำลาย เช่นเดียวกับนิ้วมือของเขาที่เลอะน้ำหวานไปหมด
“ใกล้แล้วใช่ไหมจ๊ะวา วาใกล้ถึงแล้วใชไหม” เขาถามเสียงแหบพร่า เมื่อด้านในโพรงอ่อนของเธอเริ่มตอดรัดนิ้วของเขาเรื่อยๆ
“ค่ะ ค่ะ วาใกล้แล้ว อ๊ะ อ๊ะ ซี๊ดดดด อ๊าาาาา อ๊าาาา” เธอครางเสียงหอบพร้อมหน้าท้องที่เริ่มกระตุกถี่ ด้านในเต้นตุบๆ เป็นจังหวะ ไม่นานร่างบางก็เกร็งตัวเมื่อเดินทางไปถึงขอบฟ้าอันสวยงาม น้ำหวานล้นทะลักจนเลอะไปถึงต้นขาของเขา
เตชินท์วางร่างของวศินีลงบนเบาะแล้วเลื่อนตัวลงไปยังกลางลำตัวของเธอ ลิ้นร้ายของเขาสอดทแยงเข้าไปในโพรงอ่อนเพื่อดื่มกินน้ำหวานกลิ่นหอม เรียกเสียงครางจากหญิงสาวให้ดังขึ้น ดวงตาของเธอหลับพริ้ม มือบางกดศีรษะเขาไว้พร้อมสะโพกที่ยกขึ้นน้อยๆ เพื่อให้เขากลืนกินอย่างสะดวก
“อ๊ะ อ๊ะ พี่เต้ขา วาเสียว เสียวที่สุดเลยค่ะ ซี๊ดดดด อ๊าาาา อ๊ากกกกก” เธอครางไม่เป็นคำ ขณะที่เตชินท์รัวลิ้นของเขาไม่หยุด
“หอมหวานอะไรอย่างนี้วา หอมหวานที่สุดเลย” เขาพูดเสียงอู้ชิดพูเนื้อของเธอก่อนกวาดเลียน้ำหวานที่ทะลักออกมาไม่หยุด ยิ่งเขาดูดเม้ม น้ำหวานของเธอก็ยิ่งผลิตออกมามากขึ้น แต่ไม่ว่าจะมากแค่ไหนเขาก็พร้อมดื่มกินแบบไม่รู้จักอิ่ม
เสียงดูดกลืนน้ำหวานดังซ้วบซ้าบแข่งกับเสียงครางของวศินีที่ดังไปทั่วห้องนั่งเล่น เธอยกสะโพกมนรับการสวนลิ้นของเขา มือบางกดศีรษะเขาไปด้วย ใบหน้าหล่อเหลาฝังยังเนินเนื้อของเธอแบบไม่ยอมละออกมา
“พี่เต้ วา...วา อ๊าาาาา อ๊ากกกกกกก” หญิงสาวครางยาว หน้าท้องแบนราบหดเกร็งจนเป็นลอน ก่อนเธอจะทิ้งสะโพกลงบนเบาะอย่างหมดแรง เตชินท์ส่งเธอขึ้นไปเยือนสวรรค์สองครั้งติดแล้ว
หลังจากเก็บน้ำหวานจนพอใจเขาก็เลื่อนตัวขึ้นแล้วประกบปากกับเธอ ส่งลิ้นร้อนที่เพิ่งสำรวจโพรงอ่อนเข้าไปในอุ้งปากเล็ก ขณะที่ด้านล่าง เขาใช้เข่าดันเรียวขาให้แยกออกแล้วใช้กายแกร่งถูไถกับเนินเนื้อของเธอ ทำเอาวศินีครางลึกอีกครั้ง เธอยกสะโพกรับพร้อมมือที่กดเอวหนาของเขา
“เร็วสิคะพี่เต้” หญิงสาวเร่งเสียงหอบ
“เรายังมีเวลาอีกเหลือเฟือครับ” เขาไม่รีบร้อน
“แค่ไม่กี่ชั่วโมงเองค่ะ อย่าให้เสียเวลาสิคะ หรือว่าพี่เต้ไม่คิดถึงวา” เธอถามเสียงอ้อน
“คิดถึงสิครับ คิดถึงที่สุด” เขาบอกแล้วค่อยๆ ดันกายใหญ่เข้าหากายสาว วศินีหายใจเฮือกแล้วครางยาวด้วยความเสียวลึก
กายแกร่งของเขาผลุบเข้าออกในโพรงอ่อนของเธอแบบช้าๆ ค่อยเป็นค่อยไป และเมื่อเข้าไปได้เกินครึ่ง เตชินท์ก็เพิ่มความเร็วอัดสะโพกสอบเข้าหา จนร่างบางถึงกับสะท้าน
“อ๊ะ อ๊ะ ซี๊ดดด อ๊าาาาา พี่เต้ โอยยย” หญิงสาวครางไม่เป็นคำ อกอวบของเธอกระเด้งกระดอนเป็นจังหวะสอดใส่ของเขาจนเธอต้องจับไว้ เตชินท์โน้มตัวมาข้างหน้าเล็กน้อย เขาใช้มือกดหน้าท้องของเธอเพื่อไม่ให้หญิงสาวขยับหนี
“ซี๊ดดดด อาาาาา พี่เต้ สะ เสียว วาเสียวเหลือเกินค่ะ เสียวที่สุด ซี๊ดดดด” วศินีสูดปากเหมือนกินพริก
“โอวว โอววว แน่นดีจริงๆ วา คับที่สุด โอ๊ะ โอววว โอยยย” เตชินท์กัดฟัน ด้านในของเธอคับแน่นเหมือนไม่ได้ใช้งาน หยาดน้ำหวานเอ่อล้นช่วยให้กายใหญ่ของเขาเข้าออกได้สะดวก ด้านในโพรงอ่อนของเธอตอดรัดเนื้อกายของเขา จนชายหนุ่มถึงกับสั่น
“กะ ใกล้แล้วค่ะ ซี๊ดดด อีกค่ะพี่เต้ อีกค่ะ แรงหน่อยค่ะ อ๊ะ อ๊ะ ซี๊ดดดด โอยยย โอยยยย” หญิงสาวเร่งพร้อมครางไปด้วยเมื่อความสะท้านเดินทางมาถึงขีดสุด เตชินท์ไม่รอช้า เขาอัดสะโพกจนมิดโคนครั้งแล้วครั้งเล่า จนลอนสะโพกของทั้งสองกระทบกันเสียงดังไปทั่วห้อง
“โอยยย โอยยยย ใกล้แล้ววา ใกล้แล้ว เยี่ยมมาก เยี่ยมที่สุด โอววว โอววว อาาาา”
“ซี๊ดดดดด อาาาา อาาาา อ๊ากกกกก”
สองเสียงประสานกันก่อนลาวาร้อนจากกายใหญ่จะฉีดพุ่งเข้าไปในโพรงอ่อน เตชินท์ดันสะโพกเข้าไปให้ลึกกว่าเดิมเพื่อฝังเนื้อกายในตัวของเธอ เขาฟุบหน้ากับอกนุ่มที่กระเพื่อมขึ้นลงตามแรงหายใจหอบ ก่อนปากร้อนจะเข้าครอบครองอีกครั้งแล้วละเลียดผลเชอร์รี่สุกปลั่งระหว่างพักเหนื่อย
ทั้งสองร่วมบรรเลงเพลงสวาทกันอีกหลายชั่วโมง กระทั่งเย็น ก็ถึงเวลากลับ เตชินท์ดูไม่ค่อยอยากจากไปเท่าไหร่นักแต่ก็ต้องจำใจไป เพราะหากเขาค้างที่นี่คงเป็นที่สงสัยแน่ๆ เช่นเดียวกับวศินีที่อยากให้เขาค้างใจจะขาดแต่ก็ทำไม่ได้ ซึ่งเตชินท์ก็รับปากว่าแวะมาหาเธออีกในวันรุ่งขึ้น
หลังจากตกลงว่าจะเป็นครูสอนพิเศษให้กับน้องนน หญิงสาวก็เริ่มงานของเธอในช่วงที่ไกรวิทย์ไปต่างประเทศ โดยเลือกสอนในช่วงเก้าโมงครึ่งถึงสิบเอ็ดโมงครึ่ง เพราะช่วงบ่ายเด็กอาจเกิดอาการง่วงเหงาหาวนอนได้ น้องนนมีความตั้งใจและสนุกกับการเรียนจากครูคนใหม่ที่เขาถูกชะตาด้วย เช่นเดียวกับวศินีที่รู้สึกมีความสุขกับการได้อยู่กับเด็กๆ แบบนี้ หญิงสาวเป็นคนใจเย็น ประนีประนอมและรู้จักหลอกล่อทำให้อยู่กับเด็กซนๆ ได้นาน
วิกรมนั่งสังเกตอยู่ไกลๆ โดยไม่เข้ามายุ่งย่ามเพื่อให้เธอสอนหลานของเขาอย่างเต็มที่ ชายหนุ่มพอใจไม่น้อยเมื่อเห็นหลานชายเข้ากับครูคนใหม่ได้ดี เขาปล่อยให้ทั้งสองอยู่ด้วยกันก่อนเข้าไปด้านในบ้านเพื่อทำงานส่วนตัว
ด้านนอกของตัวบ้าน รถยนต์ของเตชินท์ขับมาจอดเลียบกำแพงบ้านของวิกรม เขามาที่นี่เพื่อสังเกตการณ์เพราะวศินีบอกว่าวันนี้เธอจะมาสอนพิเศษเด็ก เขาอยากรู้ว่าเธอจะทำงานยังไงจึงมาลอบดู
รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลา เมื่อเห็นว่าหญิงสาวคนนั้นเข้ากับเด็กได้ดี แถมเด็กชายร่างสมบูรณ์คนนั้นก็ดูเหมือนจะชอบคุณครูคนสวยอีกด้วย ชายหนุ่มมองภาพนั้นอยู่นานพร้อมความฝันจะลอยเข้ามาในความคิด
เขาฝันอยากมีครอบครัวเล็กๆ แบบนี้ มีภรรยาที่น่ารักและเป็นแม่ที่แสนดี มีลูกชายหรือลูกสาวตัวน้อยคอยคลอเคลียวิ่งเล่นอยู่ใกล้ตัว และที่สำคัญ หากภรรยาและแม่คนนั้นคือวศินี ครอบครัวของเขาคงมีความสุขมากทีเดียว
เขาฝัน...แม้ว่าความฝันนั้นจะเป็นไปไม่ได้ เพราะหญิงสาวที่เขาวาดหวังไว้มีเจ้าของอยู่แล้ว อีกประการคือ เขาไม่รู้ว่าเธอคนนั้นจะคิดเหมือนเขาหรือเปล่า
มันน่าตลกจริงๆ ที่เขาหลงรักคนมีสามีแล้ว ทั้งที่รอบตัวเขามีสาวโสดมาให้เลือกนับไม่ถ้วนแต่เขากลับไม่สนใจ
เตชินท์ยืนดูอยู่ครู่ก็เลี่ยงตัวออกมาเมื่อใกล้ถึงเวลาสิบเอ็ดโมง เขาขับรถไปจอดข้างกำแพงรั้วของบ้านวศินีเพื่อรอเธอกลับมา
สิบเอ็ดโมงครึ่ง รถยนต์ของวศินีก็ขับมาจอดหน้าบ้าน หญิงสาวนำรถส่วนตัวเข้าบ้านโดยมีรถของเตชินท์ขับตามไป ไม่นาน รถของเตชินท์ก็ขับออกมา โดยมีวศินีนั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถ แต่ก็ไม่มีใครสังเกตเห็นเพราะรถของเตชินท์ติดฟิล์มเกือบดำ หากจะมองต้องเพ่งสายตามากทีเดียว ที่สำคัญ เวลาเที่ยงๆ แบบนี้ คนในซอยไม่ค่อยมีใครอยู่บ้านเพราะออกไปทำงานกันหมด
รถยนต์ของเตชินท์ขับมาจอดยังคอนโดหรูซึ่งเป็นที่พักของเขาเอง ความสัมพันธ์ของทั้งสองไม่เอื้อให้ไปไหนมาไหนแบบเปิดเผย สถานที่นัดพบจึงเป็นที่บ้านของฝ่ายหญิงหรือไม่ก็ที่พักของฝ่ายชาย โดยครั้งนี้ ทั้งสองตกลงมาที่นี่ เพราะเตชินท์ไม่อยากไปที่บ้านของเธอบ่อยเกินไป
“วันนี้พี่เต้ไม่มีงานหรือคะ” วศินีถามเมื่อเข้ามาอยู่ในห้องส่วนตัวของเขาที่กว้างขวางและโอ่อ่าสมเป็นคอนโดหรูมูลค่าหลายสิบล้าน
“ช่วงนี้บริษัทยังไม่เปิดอย่างเป็นทางการครับ งานของพี่เลยไม่มีอะไรมาก แค่เข้าไปดูความพร้อมนิดๆ หน่อยๆ เท่านั้น และถึงจะเปิด พี่ก็ไม่ต้องเข้าออฟฟิศครับ นานๆ เข้าไปสักทีก็ได้” เขาบอกแล้วเดินมาโอบเอวเธอไว้ก่อนโน้มตัวมาจุมพิตยังหน้าผากมน
“วันนี้เราจะเปลี่ยนสถานที่กินกัน หวังว่าห้องนี้คงถูกใจวา”
“ในครัวของพี่เต้มีอะไรบ้างคะ”
“ไม่มีอะไรเลยครับ นอกจากเครื่องใช้ไฟฟ้าและอาหารกล่องอีกนิดหน่อย”
“อ้าว!” หญิงสาวอุทาน “งั้นพี่เต้อยากกินอะไรเป็นพิเศษมั้ยคะ วาจะได้ทำให้กิน” เธอถาม
“อยากกินวาครับ” เขาบอกเสียงแผ่วแล้วขบเบาๆ ที่ติ่งหูของเธอก่อนลากปากร้อนมายังแก้มเนียน ขณะที่วศินีหัวเราะพร้อมตีแขนเขาเบาๆ
“วาถามจริงๆ ค่ะ เอาเป็นอาหารสิคะ ตั้งแต่พี่เต้กลับมา วายังไม่ได้ทำอะไรให้กินแบบจริงๆ จังๆ เลย ฝีมือการทำกับข้าวของวาอร่อยนะคะ รับรองว่าพี่เต้ต้องติดใจค่ะ”
“พี่เชื่อครับ อร่อยจริงๆ และพี่ก็ติดใจจริงๆ” เขาพูดยิ้มๆ
“พี่เต้น่ะ วาพูดถึงอาหารจริงๆ นะคะ มาค่ะ มาคิดกันดีกว่าว่าจะกินอะไรกันดี เดี๋ยววาทำให้ค่ะ” เธอบอกแล้วเลี่ยงไปห้องครัว ในตู้เย็นของเขามีอาหารสำเร็จรูป น้ำผลไม้ น้ำเปล่าและเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์อีกนิดหน่อย
“กินของพวกนี้ก็ได้ครับ พี่ไม่อยากเรื่องมาก เอาเวลาไปทำอย่างอื่นดีกว่า” เขาเดินมาโอบจากด้านหลัง
“ตามใจค่ะ หิวมั้ยคะ เดี๋ยววาทำให้” เธอถามเพราตอนนี้ใกล้บ่ายโมงเต็มทีแล้ว
“หิววาครับ”
“พี่เต้น่ะ” วสินีเรียกเขาด้วยน้ำเสียงกระเง้ากระงอด ขณะที่เตชินท์หัวเราะ เขาหอมแก้มเธอแรงๆ ก่อนปล่อยมือและเดินไปนั่งที่เคาน์เตอร์บาร์เล็กๆ ที่กั้นระหว่างครัวกับพื้นที่นั่งเล่น
“หิวนิดหน่อยครับ เรากินกันให้อิ่มท้องก่อนแล้วกัน พี่จะได้กินวาได้นานๆ แบบไม่ขาดตอน” เขาบอกแล้วมองเธอตาเป็นประกาย วศินีส่งค้อนให้เขาวงใหญ่แล้วหยิบสปาเกตตี้ครีมซอสออกมาสองกล่องก่อนนำเข้าไมโครเวฟ
“วันนี้ไปสอนพิเศษวันแรกเป็นยังไงบ้างครับ” ชายหนุ่มชวนคุยระหว่างรอ แม้ว่าจะไปดักสังเกตการณ์แล้วแต่เขาก็ยังอยากรู้ความรู้สึกของเธอ
“สนุกมากเลยค่ะ น้องนนน่ารักดีนะคะ แม้จะซนไปหน่อยแต่ก็เชื่อฟังดีค่ะ และดูเหมือนว่าจะเป็นเด็กที่มีเหตุผลด้วยนะคะ แต่เป็นเหตุผลที่เข้าข้างตัวเองไปหน่อยน่ะค่ะ” เธอบอกแล้วหัวเราะกับความไร้เดียงสาของเด็ก
“วาชอบเด็กหรือครับ เวลาพูดถึงเด็กแล้ว พี่เห็นสีหน้าวาดูมีความสุขเชียว”
“ค่ะ เด็กๆ น่ารักดีนะคะ ใจจริงวาก็อยากมีลูก”
“แล้วพี่ไกรว่ายังไงครับ” เขาถามทันทีโดยไม่รอให้เธอพูดจบ ใบหน้าหล่อเหลาซีดเล็กน้อย
“พี่ไกรบอกให้รอก่อนค่ะ ตอนนี้เขากำลังสนุกกับงานและอยากให้ครอบครัวของเรามั่นคงกว่านี้ก่อน”
“อย่างพี่ไกรน่ะหรือครับต้องรอให้มั่นคงก่อน” เตชินท์ทวนอย่างไม่เชื่อหูเพราะรุ่นพี่ของเขาเป็นคนมีฐานะอยู่แล้ว แถมทางบ้านของวศินีก็ร่ำรวย ไม่เห็นต้องรอสร้างเนื้อสร้างตัวเลย
“เขาบอกวาแบบนั้นค่ะ แต่ถึงไม่อยากรอก็คงอีกนาน เพราะพี่ไกรไม่ค่อยทำการบ้าน” เธอพูดเสียงเบาด้วยสีหน้าเป็นกังวล
“วาโกรธพี่ไกรหรือครับ ทำไมถึงทำหน้านิ่วคิ้วขมวดแบบนั้น” เขาถาม
“เปล่าค่ะ แต่วากำลังเป็นกังวลถ้าจู่ๆ วาเกิดท้องขึ้นมา เราไม่ได้ป้องกันเลยนะคะ” เธอบอกเสียงเบาและมองเขาอย่างมีความหมาย
“ถ้าวาเป็นกังวลเรื่องนี้ พี่จะป้องกันครับ” เขาหาทางออก วศินียิ้มแล้วยื่นหน้ามาจูบที่ปากของเขา
“ขอบคุณค่ะ พี่เต้น่ารักที่สุดเลย” เธอบอก
แม้รู้ว่าการนอกกายนอกใจเป็นสิ่งผิดและไม่สมควรอย่างยิ่ง โดยเฉพาะคนที่ชื่อว่าเป็นภรรยาอย่างเธอ แต่วศินีก็ไม่อาจหยุดคิดถึงบทรักที่เตชินท์ปรนเปรอให้เธอได้สักครั้ง ในเมื่อห้ามด้านมืดของตนไม่ได้ เธอก็ต้องหาทางป้องกันไม่ให้ความลับนี้เปิดเผยออกมา
................................................

ตอนที่ 4
นอนกับฉัน คิดถึงใคร?
ไกรวิทย์กลับจากสิงคโปร์ด้วยใบหน้าอิ่มเอมมีความสุขจนภรรยาอดทักไม่ได้ ทำให้เขาต้องทำหน้าขรึมและบอกว่าข้อตกลงกับลูกค้าเป็นไปด้วยดีและคาดว่าเร็วๆ นี้เขาคงต้องไปสิงคโปร์อีกเพราะต้องนำเสนองานให้ลูกค้า วศินีไม่ได้ถามรายละเอียดอีกตามเคย เพราะฟังเรื่องโปรแกรมเฉพาะทางที่เขาอธิบายไม่รู้เรื่อง เมื่อเขาบอกว่ากำลังจะมีงานใหญ่ เธอก็ยิ้มรับและขอให้เขาได้งานนี้โดยเร็ววัน
งานของไกรวิทย์และงานสอนพิเศษของวศินีดำเนินไปด้วยดี พวกเขามีความสุขกับงานของตัวเอง ผิดกับชีวิตครอบครัวที่จืดชืดไร้รสชาติและค่อนข้างห่างเหินกับความสัมพันธ์แบบสามีภรรยา ไกรวิทย์อ้างว่าเขาเหนื่อยและเครียดกับงานทำให้ไม่มีอารมณ์ ซึ่งวศินีก็ไม่ได้เรียกร้องเหมือนอย่างเก่าก่อน เพราะเธอเพิ่งมีความสุขแบบเต็มอิ่มกับเตชินท์ไป
เรื่องนี้สร้างความแปลกใจและสงสัยให้ไกรวิทย์เป็นอย่างมาก จนเขาต้องนำไปปรึกษาชัชพงศ์
“ก็ดีแล้วนี่ครับที่เขาไม่เรียกร้อง คงรู้แล้วมั้งครับว่าพี่ไกรไม่มีความสุขเวลานอนด้วย” หนุ่มรุ่นน้องเห็นดีด้วย
“แต่มันผิดไปจากเมื่อก่อนนะ ช่วงนี้เขาไม่ค่อยเข้ามาคลอเคลียพี่เลย เวลานอนก็นอนหันหลังให้ ตั้งแต่กลับมา เรายังไม่มีอะไรกันเลย”
“เขามีท่าทางไม่ชอบพี่ไกรหรือเปล่าครับ”
“ไม่นะ แต่ช่วงนี้วานิ่งๆ ไป เรายังกอดและหอมกันเป็นปกติแค่ไม่ได้นอนด้วยกันเท่านั้น ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป วาจะสงสัยหรือเปล่าว่าพี่ไม่ชอบผู้หญิง” เขาบอกด้วยสีหน้ากังวลและนั่นก็ทำให้ชัชพงศ์พลอยกังวลไปด้วย
“นั่นสิครับ เพราะมันดูแปลกๆ อยู่นะครับที่คนเป็นสามีภรรยากันไม่นอนด้วยกัน ต่อไปวาอาจสงสัยก็ได้ ยังไงพี่ไกรต้องเอาใจเธอหน่อยแล้วล่ะครับ” เขาบอก
“ชัชประชดพี่หรือเปล่า” ไกรวิทย์ถามเสียงอ่อนแล้วจับมือรุ่นน้อง
“พูดจริงครับแม้จะไม่ชอบใจก็ตาม” ชัชพงศ์บอกเสียงงอน เรียกรอยยิ้มจากอีกคนให้เผยออก ก่อนไกรวิทย์จะยื่นหน้ามาหอมแก้มรุ่นน้อง
“พี่ก็คิดๆ อยู่ว่าช่วงนี้ต้องเอาใจวาให้มากกว่าแต่ก่อนแล้ว ถ้าเกิดเขาไปพูดเรื่องนี้กับที่บ้านคงไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ แต่พี่ไม่กล้าพูดกับชัช กลัวชัชจะไม่สบายใจ แต่ถ้าชัชเห็นด้วย พี่ก็สบายใจ”
“ครับพี่ไกร ทำอะไรก็ได้ อย่าให้วาสงสัยก็พอครับ ส่วนความรู้สึกของชัช พี่ไกรไม่ต้องเป็นห่วง เพราะถึงยังไงพี่ไกรก็ต้องปลอบชัชอยู่แล้ว” ชัชพงศ์พูดยิ้มๆ
“ได้ รอให้วากลับมาเหมือนเดิมก่อน แล้วพี่จะปลอบชัชเอง รออีกหน่อยนะ” เขาบอกด้วยรอยยิ้มและหยิบงานมาดูต่อ
หลังจากรับปากกับชัชพงศ์ ไกรวิทย์ก็เริ่มเอาใจภรรยาทันที เขาทำดีกับเธอ อ่อนหวานกับเธอ จนวศินีอดแปลกใจไม่ได้ แต่ไกรวิทย์ก็อ้างว่าเขาละเลยหน้าที่สามีไปนานแล้ว เพราะมัวยุ่งอยู่กับงาน และตอนนี้เขาจะชดเชยให้เธอทุกอย่าง หญิงสาวไม่อยากให้เขาสังเกตเห็นถึงความผิดปกติ จึงยิ้มรับและสวมกอดเขาไว้
ไกรวิทย์ทำหน้าที่สามีอย่างดีเยี่ยม จนผู้ที่พบเห็นต่างพากันอิจฉา เขาไปรับเธอที่บ้านของวิกรมและอยู่พูดคุยกับชายหนุ่มคนนั้นเพื่อดูนิสัยใจคอ หลังหมดชั่วโมง เขาก็พาเธอไปกินข้าว เดินเที่ยว ดูหนังตามแบบคนรักทั่วไป วศินียิ้มปลื้มที่สามีดูแลเธอดีขนาดนี้ พร้อมความรู้สึกผิดที่ก่อตัวขึ้นในใจ
ไกรวิทย์ดีกับเธอถึงขนาดนี้ เธอคิดนอกใจเขาได้อย่างไรกัน!
“วันหยุดนี้เราไปเที่ยวกันนะจ๊ะน้องวา” ไกรวิทย์เอ่ยชวนระหว่างที่นั่งกินมื้อเย็นในร้านอาหารแห่งหนึ่ง
“ไปเที่ยวไหนหรือคะ”
“น้องวาอยากไปไหนเป็นพิเศษมั้ยจ๊ะ พี่รู้สึกว่าช่วงนี้พี่ไม่ค่อยเอาใจใส่น้องวาเท่าที่ควรเลย” เขาพูดอย่างรู้สึกผิด
“ก็พี่ไกรทำงานนี่คะ น้องวาเข้าใจค่ะ” เธอบอกแล้วยิ้ม
“แต่พี่อยากพาน้องวาไปเที่ยวจริงๆ เราไม่ได้เที่ยวแบบสองต่อสองนานแล้วนะจ๊ะ เปลี่ยนบรรยากาศบ้างก็ดีนะ” เขาบอก
“ก็ได้ค่ะ น้องวาตามใจพี่ไกร” เธอบอกอย่างว่าง่าย
สถานที่เที่ยวในวันหยุดคือทะเลหัวหิน ไกรวิทย์โอบเอวเธอไว้ตลอดแสดงถึงความรักและหวงแหน เขาเลือกร้านอาหารชั้นดีสำหรับมื้อกลางวันและมื้อเย็น ห้องพักที่จองไว้เป็นโรงแรมห้าดาวติดหาด มองออกไปเห็นน้ำทะเลสีสวยและชายหาดที่ทอดยาว
“สวยจังเลยค่ะพี่ไกร” วศินีพูดอย่างตื่นเต้นเมื่อเปิดผ้าม่านตรงหน้าต่าง ไกรวิทย์เดินมาโอบเอวเธอจากด้านล่าง
“ชอบมั้ยจ๊ะ”
“ชอบค่ะ ชอบที่สุดเลย ขอบคุณพี่ไกรมากนะคะ” เธอบอกแล้วเขย่งตัวจุ๊บเขาที่แก้ม ชายหนุ่มยิ้มและกระชับวงแขนก่อนหอมผมตรงขมับของเธอเบาๆ
“พี่ดีใจที่น้องวาชอบ พี่ตั้งใจเลือกห้องที่ดีที่สุดสำหรับน้องวาเลยนะจ๊ะ เพื่อความสุขของเราสองคน” เขากระซิบแผ่วเบาแล้วดึงเธอไปที่เตียง
เป็นครั้งแรกในรอบเกือบปีที่ไกรวิทย์เป็นคนเริ่มต้นบทรักด้วยตัวเอง โดยที่ภรรยาไม่ต้องอ้อนขอ
ระหว่างเดินไปที่เตียง ไกรวิทย์ดึงเสื้อแขนยาวของภรรยาออก ขณะที่วศินีเกี่ยวสายเดี่ยวของชุดเดรสบางเบาออกจากไหล่มน เพียงแค่นั้นร่างบางก็เกือบเปลือย มือหนาของสามีที่ลูบไล้ตรงแผ่นหลังช่วยปลดตะขอชั้นใน และเมื่อเรียบร้อย เขาก็วางภรรยาสาวลงนอน โดยมีร่างสูงทาบทับอยู่ด้านบน
“พี่จะชดเชยช่วงเวลาที่ผ่านไปให้น้องวาอย่างเต็มที่” เขากระซิบ ผิดไปจากไกรวิทย์คนเดิม วศินียิ้มยั่ว แม้เธอจะแปลกใจไม่น้อยแต่ก็รู้สึกดีที่สามีมีความต้องการเหมือนผู้ชายคนอื่นๆ บ้าง ไม่ใช่ปล่อยให้เธอแห้งเหี่ยวเป็นต้นไม้ลืมรดน้ำ
“พี่ไกรก็เหนื่อยเพื่อครอบครัวของเรา น้องวาจะดูแลพี่ไกรอย่างเต็มที่เลยค่ะ” เธอบอก ไกรวิทย์ยิ้มแล้วจูบเธอที่หน้าผาก ก่อนไล่ปากมาที่แก้มเนียนและหยุดที่ริมฝีปากอิ่มของเธอ มือหนาของเขาลูบคลึงบีบเค้นยังเต้าอวบ ส่วนมือของวศินีก็ลูบไล้ไปทั่วแผ่นหลังของเขา ก่อนวกกลับมาปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสองสามเม็ดแล้วถอดมันออกทางศีรษะเพื่อความรวดเร็ว
ความร้อนแรงทวีเพิ่มขึ้น เมื่อวศินีส่งลิ้นเล็กของเธอเข้าไปในอุ้งปากของสามีแล้วเกี่ยวกระหวัดด้วยความเสน่หา ไกรวิทย์ค่อนข้างแปลกใจกับความชำนาญของเธอ ก่อนคิดเอาเองว่าเธอคงจำมาจากหนังระดับล่างเพื่อเอาใจเขา ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงหยุดและทำหน้าเคร่งใส่แล้ว แต่ตอนนี้ เขากลับชอบที่ภรรยาเป็นงานแบบนี้
ในช่วงแรกที่ทั้งสองแต่งงานกัน วศินีเป็นคนขี้อายเพราะเธอถูกเลี้ยงดูมาแบบประคบประหงมจากพ่อและแม่ เธอไม่เคยมีแฟนเพราะไม่ผ่านการพิจารณาจากทางบ้าน และเขาก็เป็นผู้ชายคนแรกที่สอนบทรักให้กับเธอ ทุกอย่างดำเนินไปแบบถูกต้องตามครรลอง ไม่หวือหวา ไม่ตื่นเต้น จนแต่งงานได้เกือบปี วศินีก็เริ่มเป็นฝ่ายรุกเขาบ้าง เธอแสดงความต้องการเขามากขึ้น เปิดเผยมากขึ้น ภายนอกเธอเป็นคุณหนูขี้อาย แต่เมื่ออยู่บนเตียงหรืออยู่กันตามลำพัง เธอก็คือเชื้อไฟที่พร้อมจะถูกจุดได้ทุกเมื่อ
ยิ่งช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ดูเหมือนว่าความต้องการของเธอจะเพิ่มขึ้นจนเขาแปลกใจ ลีลาและความร้อนแรงของเธอก็เพิ่มขึ้นด้วย เขาสงสัยแต่ก็คิดว่าคงเพราะเขาไม่ค่อยใส่ใจเธอเหมือนแต่ก่อน เพราะมัวแต่ขลุกอยู่กับชัชพงศ์ และเมื่อมีโอกาสได้ร่วมรักกัน เธอจึงไขว่คว้าและแสดงออกเต็มที่
“เดี๋ยวน้องวาจะทำให้พี่ไกรมีความสุขนะคะ” หญิงสาวบอกด้วยรอยยิ้มแบบเจ้าเล่ห์ ก่อนเธอจะเลื่อนตัวลงไปยังกลางลำตัวของเขา ไกรวิทย์ใจเต้นแรงและไม่คัดค้าน เขาเอนตัวพิงหัวเตียงและแยกขาออกเล็กน้อย มือเล็กของเธอแตะอาวุธร้ายที่ยังไม่ตื่นก่อนรูดขึ้นลงเพื่อปลุก
“อืมมมมม ดีมากน้องวา อืมมม” ไกรวิทย์ครางในลำคอ เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่แต่งงานที่เขายอมให้ภรรยาทำแบบนี้ แต่นี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีคนทำให้เขา ซึ่งคนที่ทำให้ประจำก็คือชัชพงศ์
แม้จะกำลังร่วมรักอยู่กับภรรยา แต่ใจของไกรวิทย์ก็อดคิดถึงคู่ขาของเขาไม่ได้
ชัชพงศ์เป็นคนช่างเอาใจขณะเดียวกันก็ช่างอ้อนไม่น้อยทีเดียว ชายหนุ่มคนนั้นทำให้เขารู้ว่าความสุขที่แท้จริงในการร่วมรักเป็นอย่างไร และชัชพงศ์ก็เป็นคนทำให้เขาไม่มีความสุขในการหลับนอนกับภรรยาอีกเลย
และไม่ใช่แค่กับภรรยา กับผู้หญิงคนอื่นเขาก็ไม่มีความรู้สึกอย่างร่วมหลับนอนด้วย
ชัชพงศ์เป็นคนทำให้เขารู้จักตัวเองมากขึ้นว่าต้องการอะไร!
บทรักของชายหนุ่มรุ่นน้องช่วยเติมเต็มความสุขที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนให้กับเขา และยังทำให้เขาอยากจะร่วมรักต่อไปเรื่อยๆ แบบไม่มีที่สิ้นสุด ผิดกับภรรยาสาวสวยที่เขาร่วมรักกับเธอแค่สองครั้งต่อคืนก็ถือว่ามากเกินแล้ว
“อืมมม แบบนี้น้องวา ดีมากจ้ะ ดีมาก แรงกว่านั้นอีก อืมมม ใช่แล้ว เยี่ยมมากจ้ะ โอววววว” เขาเอ่ยชมพร้อมครางไปด้วยเมื่อตัวตนลำใหญ่เข้าไปอยู่ในปากของเธอ หญิงสาวดูดกลืนแรงๆ ตามคำขอจนแก้มเนียนตอบเข้าหากัน เธอดูดแล้วคาย คายแล้วดูดหลายครั้งพร้อมมือบางที่รูดสาวตรงโคนเพิ่มความกระสันเข้าไปอีก
“อืมมม เยี่ยมมากจ้ะที่รัก อีกนิด แรงอีกนิด เข้าไปอีก...แบบนั้น โอวววว โอยยย โอยยย” ชายหนุ่มร้องไม่เป็นคำเมื่อเธอละเลงลิ้นยังส่วนปลายของเขาก่อนจูบซับไปตามความยาวของท่อนเอ็นจนถึงก้อนเนื้อตรงโคน เธอจูบและอมก้อนนั้นเข้าไปในปาก จนไกรวิทย์ถึงกับสั่นไปทั้งร่าง ลีลาของเธอร้อนแรงผิดไปจากวศินีคนเดิมจริงๆ
เมื่อความเสียวเดินทางมาถึงขีดสุด ไกรวิทย์ก็จับร่างบางพลิกนอนหงายแล้วใช้เข่าแยกขาของเธอออกก่อนดันแก่นกายเข้าหาโพรงถ้ำเร็วๆ ทำเอาวศินีครางไม่เป็นคำ
“อ๊ะ อ๊ะ พี่ไกร พี่ไกรขา อืมมม อาาาาาา”
“โอวววว เยี่ยมมากน้องวา โอวววว ดีมาก ดีจริงๆ ” ไกรวิทย์ข่มเสียง ช่องทางรักของเธอบีบรัดเขาแน่น เขาอัดเนื้อกายเข้าไปจนมิดโคนแล้วขยับสะโพกเร็วๆ เพื่อส่งตัวตนเข้าไปฝังให้ลึกกว่าเดิม ทำเอาร่างบางถึงกับบิดเกลียวด้วยความสะท้าน เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังประสานไปกับเสียงครางหวานของเธอ
นานแล้วที่วศินีไม่ได้ร่วมรักกับสามีอย่างดุเดือดแบบนี้ ลีลาของเขาร้อนแรงผิดไปจากครั้งก่อนๆ แต่มันยังน้อยกว่าเตชินท์ เพื่อนรุ่นน้องของเขาที่วศินีได้ลิ้มลอง
แม้จะกำลังมีความสุขกับไกรวิทย์ แต่ใจของวศินีก็อดคิดถึงบทรักแสนเร่าร้อนระหว่างเธอกับเตชินท์ไม่ได้
ถึงเขาจะไม่ใช่ผู้ชายคนแรกของเธอ แต่เขาก็เป็นคนแรกที่ทำให้เธอรู้ว่าตัวเองมีความปรารถนาในเรื่องนี้มากแค่ไหน และเขายังเป็นคนแรกที่สอนให้เธอรู้จักความสนุกตื่นเต้นในเกมรัก
“อ๊ะ อ๊ะ โอววว พี่ไกร ซี๊ดดดด อ๊าาาาา อ๊าาาา โอยยยย” หญิงสาวครางไม่เป็นคำเมื่อเขาขยับสะโพกรัวเร็วจนร่างเล็กถึงกับสั่นสะท้าน เธอจับท่อนแขนของเขาไว้เพื่อยึดตัวเอง
“โอววว ดีมากน้องวา ดีมาก เยี่ยมที่สุด เสียวอะไรอย่างนี้ โอ๊ะ โอ๊ะ โอวววว โอวววว ซู๊ดดด โอววววว” ไกรวิทย์ครางยาวเช่นกันเมื่อภายในของเธอตอดรัดเขาแรงขึ้นจนชายหนุ่มขยับตัวแทบไม่ได้ แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังไม่หยุดขยับเพื่อส่งตัวตนเข้าไปครั้งแล้วครั้งแล้ว แม้ว่าจะเข้าไปลึกจนมิดด้ามยาวแล้วก็ตาม แต่เขาก็ยังไม่พอใจ
“ซี๊ดดดดด อาาาา อาาาา พี่ไกรขา น้องวาใกล้แล้วค่ะ ใกล้แล้ว อีกนิดค่ะพี่ไกร เร็วหน่อยค่ะ แรงๆ เลยค่ะ โอยยย ซี๊ดดดด” หญิงสาวร้องขอ ซึ่งไกรวิทย์ก็ไม่ขัดข้อง เขาอัดสะโพกจนอกอวบของเธอกระเพื่อมขึ้นลงและต้องจับไว้ ชายหนุ่มก้มตัวลงเพื่อดูดกินนมสดจากเต้า ขณะที่สะโพกก็ไม่หยุดทำงานสักวินาที
“พี่ก็ใกล้แล้วจ้ะน้องวา โอววว รัดแน่นมาก โอววว เยี่ยมมาก เยี่ยมที่สุด โอ๊ะ โอววว โอววว”
“สะ เสียวจังค่ะ น้องวา สะเสียว ซี๊ดดดดด อ๊าาาา อ๊ากกกก”
“โอวววว โอยยยย โอยยยยยย
สองเสียงครางประสานพร้อมน้ำรักจากกายใหญ่ที่พุ่งออกมาเข้าไปในไหลเวียนในโพรงอ่อนที่ตอดรัดตุบๆ ไกรวิทย์หายใจหอบก่อนฟุบกับซอกคอของภรรยา ขณะที่มือบางของวศินีกอดรัดรอบคอเขาแน่น
เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่แต่งงานก็ว่าได้ ที่ทั้งสองมีความสุขที่สุดในเกมรักที่ร่วมกันบรรเลงแบบเต็มใจทั้งสองฝ่าย
หลังกลับจากเที่ยวที่เต็มไปด้วยความสุข ไกรวิทย์ก็สังเกตว่าวศินีกลับมาร่าเริงและช่างอ้อนเขาเหมือนเดิม แต่เธอลดความต้องการลง คงเพราะรู้ว่าเขาทำงานหนักจึงไม่อยากกวน เธอบอกเขาว่ายินดีตามใจเขาทุกอย่างรวมถึงเรื่องบนเตียงด้วย หากเขาต้องการเมื่อไหร่เธอก็พร้อมร่วมมือ แต่ถ้าเขาเหนื่อยหรือไม่ต้องการ เธอก็จะไม่เร่งเร้าเพราะไม่อยากให้เขาเครียดเกินไป
เรื่องนี้สร้างความยินดีให้กับไกรวิทย์เป็นอย่างมาก เพราะใจจริงเขาก็ไม่อยากมีสัมพันธ์ทางกายกับภรรยาของตัวเองเท่าไหร่นัก เพราะเขามักคิดถึงชัชพงศ์ทุกครั้ง และกลัวว่าวันใดวันหนึ่งจะเผลอเรียกชื่อหนุ่มรุ่นน้องออกมา
และเมื่อเห็นว่าวศินีไม่เรียกร้องเรื่องบนเตียงแล้ว ก็คงต้องถึงเวลาไปปลอบชัชพงศ์เสียที
“วันมะรืนพี่จะไปสิงคโปร์นะจ๊ะ”
“ไปทำอะไรหรือคะ”
“มีงานต้องคุยกับลูกค้าน่ะจ้ะ น่าจะไปทั้งอาทิตย์กว่าจะกลับก็วันศุกร์เลย น้องวาอยู่คนเดียวได้มั้ย หรือว่าจะไปอยู่บ้านคุณแม่ก่อน”
“น้องวาอยู่ได้ค่ะ พี่ไกรไม่ต้องเป็นห่วง” เธอบอกแล้วยิ้ม
“น้องวาอยากไปเที่ยวมั้ยจ๊ะ ไปกับพี่มั้ย” เขาชวน ขณะที่วศินีส่ายหน้า
“ไม่ดีกว่าค่ะ พี่ไกรอย่าลืมสิคะว่าตอนนี้น้องวารับสอนพิเศษอยู่ ขาดไปหลายวันเดี๋ยวลูกศิษย์ก็จำหน้าไม่ได้พอดี”
“จริงสิ คราวก่อนไปเที่ยววันหยุด ไม่รบกวนเวลาสอน แต่คราวนี้ไปวันธรรมดา” เขาบอก ความจริงแล้วเขาจำวันสอนของวศินีได้ แต่แกล้งลองชวนไปแบบนั้น เพราะเขาเชื่อว่าภรรยาต้องเห็นการเรียนของลูกศิษย์สำคัญกว่าอยู่แล้ว ซึ่งก็จริงอย่างที่เขาคิด
“และที่สำคัญ พี่ไกรไปทำงาน น้องวาไม่อยากกวนค่ะ”
“ก็ได้จ้ะ ยังไงพี่จะโทรหาเรื่อยๆ นะจ๊ะ”
“ค่ะ” หญิงสาวยิ้มแล้วแล้วกอดซบหน้ากับแผงอกแข็งแรงของสามี ดวงตาของเธอเป็นประกาย
เวลาแห่งความสุขของเธอกับเตชินท์มีตั้งเป็นอาทิตย์เชียว!
หลังจากขับรถไปส่งไกรวิทย์ที่สนามบินเรียบร้อยแล้ว วศินีก็ขับรถส่วนตัวไปยังคอนโดของเตชินท์พร้อมกระเป๋าเดินทางใบย่อม ด้านในมีเสื้อผ้าสองสามชุดสำหรับอยู่กับเตชินท์ เธอแวะซื้อของสดและของกินเล่นที่ห้างไปด้วยเพื่อทำอาหารให้เขากิน
ในห้องของเตชินท์สะอาดเรียบร้อยเพราะชายหนุ่มแจ้งแม่บ้านให้ขึ้นมาทำความสะอาดวันเว้นวัน ของกินในตู้เย็นของเขายังเหมือนเดิมคือมีแต่อาหารสำเร็จรูปและน้ำผลไม้ หญิงสาวจึงคั่นเวลาระหว่างรอด้วยการจัดตู้เย็นใหม่ให้เขาพร้อมทำซุปครีมให้เขาลองชิมฝีมืออีกด้วย
ประมาณห้าโมงกว่า เตชินท์ก็กลับมา ทันทีที่เปิดประตู ชายหนุ่มก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อรับเอากลิ่นหอมของอาหารที่วศินีเป็นคนทำ และเขาก็ต้องเปิดรอยยิ้มกว้างเมื่อเห็นหญิงสาวคนนั้นมายืนรอรับเขาที่หน้าประตู
อยากให้เธอมาอยู่ที่นี่และรอรับเขาทุกๆ วันเลย...เตชินท์คิด
“หอมจังเลยครับ” เขาเอ่ยทักแล้วตรงเข้าสวมกอด หญิงสาวช่วยถือกระเป๋าเอกสารให้เขาแล้วโอบเอวพาไปนั่งที่โซฟา
“วาเอาน้ำให้นะคะ” เธอบอกแล้วเดินเข้าครัว เพียงครู่ก็ออกมาพร้อมน้ำหวานเย็นๆ
“วาทำอะไรครับ หอมจังเลย” เขาถามหลังจากจิบน้ำไปสองสามอึก
“ซุปครีมค่ะ เอาไว้กินรองท้องก่อน แล้วก็มีผัดฉ่าทะเล ต้มยำน้ำใสและไข่เจียวกุ้งสับค่ะ” เธอบอกเสียงใส
“แค่ฟังชื่อก็หิวแล้วครับ” เขาบอกยิ้มๆ
น่าอิจฉาไกรวิทย์จริงๆ ที่มีภรรยาแสนดีแบบนี้ เธอครบเครื่องจริงๆ เก่งงานบ้าน ช่างเอาใจ แถมเรื่องบนเตียงก็ยอดเยี่ยมไม่แพ้ใคร
น่ารักแบบนี้ไม่รักไม่หลงก็คงผิดมนุษย์แล้ว
“งั้นทานเลยมั้ยคะ ไปค่ะไปล้างมือก่อน เดี๋ยววาจัดโต๊ะไว้รอ” เธอบอก
“ดีครับ กินให้อิ่มท้องแล้วเราค่อยไปกินอย่างอื่นให้อิ่มต่อ พี่คิดถึงวาจะแย่อยู่แล้ว” เขาบอกเสียงแหบพร่าและมองเธอตาเป็นประกาย ขณะที่วศินียิ้มแล้วดันหลังเขาเข้าห้องน้ำ
